การสอบ SAT เป็นการสอบเพื่อวัดระดับมาตรฐานเพื่อเข้าศึกษาต่อต่างประเทศ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานที่ใช้ข้อสอบชุดเดียวกับสอบทั่วโลก ดังนั้นจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นการสอบที่เป็นสากล ผู้สอบทุกคนจะได้รับการวัดผลจากมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้นผู้สนใจที่จะศึกษาต่อที่ผ่านการทดสอบนี้จึงสามารถเข้าเรียนต่อในต่างประเทศได้ ในประเทศไทยของเราก็มีผู้ที่สนใจไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และจะต้องผ่านการทดสอบนี้เสียก่อน การติวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีความจำเป็น เพื่อเรียนในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสอบให้เกิดความพร้อมที่จะเข้ารับการวัดระดับความรู้ความเข้าใจ ซึ่งก็มีทั้งในเรื่องของภาษาและการคำนวณเป็นหลัก และมีสามขาวิชาอื่นที่ถนัดให้เลือกอีกด้วย แต่… นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมในด้านทักษะวิชาการและภาษาแล้ว เรายังต้องมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสอบในด้านอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมในการเข้าสอบได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ควรทราบในเรื่องการสอบ SAT
1. การสอบ SAT ได้รับการพัฒนาและดูแลด้วยองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ ชื่อ The College Board
2. การสมัครสอบ SAT สามารถทำได้โดยการสมัครออนไลน์ที่ https://sat.collegeboard.org/home เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น โดยผู้สมัครจะต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ก่อน จึงจะสามารถสมัครสอบได้ ข้อดีของการสมัครและทำรายการผ่านเว็บไซต์ก็คือ เราสามารถเข้ามาทำรายการได้ด้วยตัวเอง และสามารถตรวจสอบดูข้อมูลในการสอบย้อนหลังของเราได้ และ ทำการสมัครเพียงครั้งเดียว
3. การกรอกข้อมูลในเว็บไซต์จะต้องเป็นข้อมูลจริงเท่านั้น อย่าใช้ข้อมูลเท็จแบบใส่ๆ ไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ เพราะจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง หากพบว่าเป็นข้อมูลเท็จจะส่งผลเสียต่อเราเอง ดังนั้น เตรียมความพร้อมให้ดีก่อนสมัครและกรอกข้อมูล
4. การสอบ SAT เปิดให้มีการสอบปีละ 5 ครั้ง โดยประมาณ ดังนั้น เรามีเวลาในการ เตรียมตัวเพื่อให้ตัวเองมีความพร้อมมากที่สุดก่อนสอบได้ ไม่ต้องเร่งรีบจนกดดันตัวเอง เข้าสอบในเวลาที่ไม่พร้อม เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดโอกาสที่นานๆ มีที หรือต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะมีการสอบใหม่อีกครั้ง การสอบจะมีขึ้นในเดือน มกราคม, มีนาคม, พฤษภาคม, มิถุนายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ซึ่งผู้สมัครสามารถเข้าดูตารางกำหนดการในการสอบได้จากเว็บไซต์ของ The College Board
5. การสมัครสอบใช้บัตรประชาชนและหนังสือเดินทางของผู้สมัครเท่านั้น ส่วนการชำระเงินค่าสมัครสอบชำระโดยการใช้บัตรเครดิต ซึ่งจะเป็นบัตรของใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นของผู้สมัครสอบ
6. การสอบวิชาเสริม หรือ Subject Test ซึ่งเราจะต้องเลือกว่าเราชอบและถนัดวิชาไหนเพื่อที่จะได้ ติว SAT ไปพร้อมๆ กับเรื่องภาษาและคณิตศาสตร์ที่เป็นวิชาหลัก ในการสอบเราจะต้องเลือกดูด้วยว่าวันที่สอบมีการสอบ Subject Test ที่เราต้องการด้วยหรือไม่
7. การเลือกสถานที่สอบ ควรเลือกสถานที่ๆ เราสามารถเดินทางไปสอบได้สะดวกที่สุด และควรมีการเตรียมสถานที่สอบสำรองเอาไว้ด้วย เผื่อว่าเราสมัครไม่ทัน จำนวนที่นั่งสอบเต็ม เพื่อลดปัญหาเรื่องการเดินทางและเป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องความผิดพลาด และเราสามารถเลือกที่สอบได้ 4 แห่ง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่หากเลือกเกินกว่านั้นก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม
8. การประกาศผลจะมีขึ้นหลังจากการสอบประมาณ 3 อาทิตย์ โดยสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของ The College Board ได้ด้วยตนเอง
นี่เป็นรายละเอียดอื่นๆ ในการสอบที่เราควรทราบ
จากความต้องการที่ต้องใช้ผลการสอบ SAT Scholastic Assessment Tests เพื่อรับรองความสามารถทางทักษะความรู้ภาษาอังกฤษที่มีมาตรฐานในการยื่นใบสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัยในหลักสูตรนานาชาติ หรือที่เรียกว่าหลักสูตรอินเตอร์ ความนิยมการวัดผลแบบ SAT เนื่องจากเป็นวิธีการวัดผลความพร้อมและความสามารถในตัวนักศึกษาเป็นแบบรายบุคคลซึ่งไม่ได้อ้างอิงผลการเรียนจากทางโรงเรียนต้นสังกัดเดิม ดังนั้นการเตรียมตัวสอบ SAT เพื่อสอบจึงมีความจำเป็นและควรรู้เกร็ดเล็กน้อยในการสอบ SAT ดังนี้
- สอบ SAT เพื่อสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ฯ ผลคะแนนการทดสอบ SAT ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและแคนนาดา ต่างให้ความยอมรับในการวัดแผลแบบ SAT
- สอบ SAT เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศไม่ควรสอบเกิน 2 ครั้ง การสอบสามารถทำได้หลายครั้ง ไม่จำกัดจำนวนการสอบ ในสถานศึกษาต่างประเทศจะนิยมเลือกเอาผลการสอบวัดผลครั้งล่าสุดมาเพียงค่าเดียว ต่างจากในประเทศไทยที่นักศึกษาสามารถเลือกค่าผลทดสอบที่มากที่สุดส่งไปยังมหาวิทยาลัยที่ไปสมัครรับทราบได้ทันที
- สอบ SAT ให้ถูกควรสมัครล่วงหน้า ช่วง early ทุกต้นปีศูนย์รับลงทะเบียนจะมีประกาศแจ้งวันเวลาในการเข้าสอบไว้ล่วงหน้า หากจองสอบ SAT ล่วงหน้าในช่วง Early time จะเป็นช่วงที่ได้ราคาถูกกว่า ใกล้วันสอบประมาณ 1 เดือน เรียกว่าช่วง Deadline หรือ Late registration ที่จองใกล้เวลาทดสอบจะถูกปรับเพิ่มอีก 28 เหรียญสหรัฐ การสมัครล่วงหน้านอกจากจะได้ราคาสอบ SAT ที่ไม่แพงแล้วยังมีโอกาสสามารถเลือกสนามสอบใกล้บ้านได้อีกด้วย ในกรณีที่สนามสอบเต็มสามารถที่จะไปสอบ SAT ที่ประเทศใกล้เคียงที่เปิดสอบ SAT ได้
- สอบ SAT ผลสอบเก็บไว้ใช้ได้ 2 ปี อายุผลการสอบ SAT สามารถใช้งานได้เพียง 2 ปีเท่านั้น จึงควรวางแผนการสอบให้ผลสอบครอบคลุมเวลาที่จะใช้งาน เช่นหากสอบช่วง มัธยมปีที่ 5 ก็จะสามารถใช้ยื่นสมัครเรียนต่อภาคอินเตอร์ได้ทันทีที่เรียนจบ หากสอบตั้งแต่มัธยมต้น เมื่อเรียนจบมัธยมปลายผลสอบก็ไม่สามารถใช้งานได้แล้วจำเป็นต้องสอบใหม่เท่านั้น
- สอบ SAT ส่งผลสอบได้ทางเวปไซต์ ผลสอบ SAT สามารถส่งไปยังมหาวิทยาลัยที่เราไปสมัครโดยต้องทำการส่งผลการสอบจากหน้าเวปไซท์ SAT ซึ่งจะมีปุ่มให้กดส่งผลการสอบไปยังมหาวิทยาลัยที่เราต้องการได้ทันที
การสอบ SAT จำเป็นต้องใช้ทักษะความรู้ที่นอกเหนือจากการเรียนในหลักสูตรทั่วไป การหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อใช้สอบจึงยังคงมีความจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ