คอร์สเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน กับสถาบันของเราซึ่งเปิดสอนมาด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี ไม่ว่าเป็นการติวแบบคอร์สเรียนรวมหรือเรียนตัวต่อตัว เป็นสถาบันเล็กๆ แต่ก็ประกอบด้วยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายต่อหลายท่าน ที่มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ มีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษสำหรับการสอบ เช่น IELTS CU-TEP SAT TOEIC รวมถึงภาษาที่สามไม่ว่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และภาษาอิตาเลียน อีกทั้งยังสอนวิชาการด้านการคำนวณ เช่น SAT จากประสบการณ์ในการสอนมายาวนาน เรากลับพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ที่ได้ผ่านเข้ามาเรียนกับสถาบันของเรานั้น มักจะมีปัญหาแบบเดิมๆคือ ปัญหาของ “พื้นฐาน” โดยเฉพาะในวิชาภาษาอังกฤษที่เรียนมาในสมัยวัยเรียนมีพื้นฐานไม่ดี บางคนเรียนสายวิทยาศาสตร์ แพทย์ พยาบาล แต่ก็ต้องกลับมาใช้ภาษาอังกฤษในการสอบ พื้นฐานที่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก็ลืมหมด บางคนนี่เรียกว่าลงหม้อถ่วงน้ำกันไปเลย
สถาบันของเราจึงมีความคิดริเริ่ม ที่ต้องการจะปรับพื้นฐานให้กับน้องๆนักเรียนกันอย่างละเอียด ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ เคาะสนิม ตั้งสติกันใหม่ สำหรับคนที่เคยมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว แต่ไม่เป๊ะ ไม่แม่น ลืม หรือเอาไปใช้ไม่เป็น เริ่มสอนตั้งแต่เรื่องง่ายสุดแต่สำคัญที่สุด เหมาะสำหรับน้องๆมัธยมทั้งต้นและปลาย ที่เรียนภาษาอังกฤษยังไงก็ไม่เข้าใจสักที เกรดตก สอบไม่ได้ หรือเด็กมหาวิทยาลัย ที่คลุกคลีกับภาษาอังกฤษน้อยมาจนแทบลืม กังวลว่าอนาคตจบไปจะหามีโอกาสน้อยกว่าคนอื่นด้านภาษา คอร์สนี้เน้นความง่ายสบาย เรียนไม่เครียด แต่ใช้ได้จริง มีทั้งปูไวยากรณ์ ท่องคำศัพท์ รวมไปถึงการอ่านแบบง่ายๆ เขียนโต้ตอบ เรียงความได้ถูกต้อง
เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน สอนสด
เนื้อหาของคอร์สนี้จะเน้นภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน และเขียน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ Grammar ที่เคยเรียนมาตั้งแต่สมัยวัยทีน จะนำมารื้อและนำมาใช้ อะไรไม่ใช้ ไม่สอนครับ!!! เพราะหากไม่ใช้ สอนไปก็มีแต่มัวจะตีกันยุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้สระผมห้าวัน พิเศษสุดๆคือ จะมีการแทรกบทสนทนา แม้แต่ไปสอบสัมภาษณ์ต่างๆ สอนตั้งแต่การออกเสียงให้ชัดเจน แยกและเข้าใจเสียงภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน เรียงประโยคการพูดอย่างง่าย และเป็นธรรมชาติ สำนวนที่พบบ่อยและใช้ได้จริง รวมไปถึงการเลือกใช้คำให้ถูกต้อง คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น 30 ชั่วโมง ราคาเพียง 5,500 บาท
เริ่ม |
เวลา
|
วัน
|
ประเภท |
16 มีนาคม 2568 | 10.00-13.00 | อาทิตย์ | สอนสด/ออนไลน์ |
คอร์สนี้มีดีอย่างไร
- สอนสด ถาม-ตอบได้ตลอด
- เรียนกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 9 คน ดูแลใส่ใจทั่วถึง
- ไม่สอนให้จำชั่วคราว แต่ให้เข้าใจซึมลึกและอยู่ติดตัวไปนานแสนนาน
- เราไม่ได้มอบให้แต่การเรียน แต่เราสอดแทรกบรรยากาศที่เป็นกันเอง เนื้อหาแบบฝึกหัดที่สนุก ทำให้ผู้เรียนทุกคนชอบและรักภาษาอังกฤษ อยากออกเดทกับภาษาอังกฤษไปตลอดชีวิต
- ถ้าเรียนแล้วเข้ามานั่งเรียนคอร์สเดิมเพื่อทบทวนได้ตลอดเวลา
- และสุดท้าย ครูผู้สอนตั้งใจมาก สอนแบบทุ่มสุดตัว ทุกคนได้รับความรู้จนแน่นอก กันเอง สนุกสนาน จิตใจชุ่มฉ่ำ มีคำถามอะไรก็หาคำตอบมาให้ได้
สไตล์การเรียนการสอนของคอร์สนี้
- เรียนๆเล่นๆ เดี๋ยวก็เก่งแกรมมาร์ : สอนพื้นฐานแบบฉบับง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่เนื้อหาแน่นปึ้ก สนุกสนาน เข้าใจได้ จำได้นาน และนำไปใช้ได้จริงเพื่อต่อยอดให้ภาษาอังกฤษเป็นเลิศ ที่สำคัญ เราปลูกฝังให้ คุณรักภาษาอังกฤษ และอยากอยู่กับมันไปนานๆ
เหมาะกับใครบ้างล่ะ?
- ทุกเพศ ทุกวัยที่มีความตั้งใจอยากได้ภาษาอังกฤษแบบจริงจัง อยากปูพื้นฐานใหม่ให้แน่นและต่อยอดไปใช้งานได้จริง
- เด็กมัธยมต้นถึงปลายที่อ่อนภาษาอังกฤษ อยากจะสอบได้ อยากเรียนได้ดี เพื่อที่จะได้มีโอกาสทางการศึกษาต่อมากกว่าคนอื่น
- เด็กมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยได้ใช้งานภาษาอังกฤษตอนเรียน หรือต้องใช้ภาษาอังกฤษแต่ก็ใช้ถูกบ้างผิดบ้าง งานออกมาไม่ดี โดนแก้บ่อย หรือเตรียมพร้อมปูพื้นฐานสำหรับไปเรียนต่อในคอร์ส TOEIC เพื่อสมัครงาน เรียนต่อโทในอนาคต
- บุคคลทำงานที่ร้างภาษาอังกฤษมานาน อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ไม่อยากให้ภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่กับที่
พื้นฐานง่ายๆให้ชอบภาษาอังกฤษ
เวลาล่วงเลยมานานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่เรียนภาษาอังกฤษมา แต่ ทำไมยังพูดไม่ออก ฟังไม่ได้ อ่านไม่เข้าใจ เขียนไม่คล่อง จะเริ่มตอนนี้ก็ไม่รู้จะเรียนที่ไหน ต้องเริ่มอย่างไร เรียนไปก็กลัวไม่เข้าใจ กลัวตามไม่ทันแล้วก็ทิ้งมันกลางทางเหมือนเดิม จริงๆแล้ว มันก็ไม่ยากหรอก ถ้าคิดจะเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง แต่ก็ผ่อนคลายไปด้วย อย่างแรกเลยคือ ปรับทัศนคติของตัวเองให้เป็นมิตรกับภาษาอังกฤษ บางคนที่เรียนไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันยากเกินไป แต่เราไปตั้งกำแพงกับมันไว้ตั้งแต่ต้น แค่เห็นเอบีซีโผล่ขึ้นมาก็เบือนหน้าหนีไปดูเอ็มวีเกาหลีดีกว่า ลองปรับง่ายๆโดยการดูการ์ตูนเด็กเล็กๆ คำศัพท์ง่ายๆ เนื้อหาเบาๆ ตัวการ์ตูนน่ารัก มีเพลงประกอบ ศัพท์ไม่ยาก พวกนี้จะทำให้เรามองภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุกได้
ลำดับต่อมาเจอบ่อยๆ ด้วยความที่เรายังอยู่ในประเทศไทย สื่อสารกับคนไทย อ่านหนังสือภาษาไทย ฟังเพลงหรือดูหนังไทย เลยเป็นเรื่องยากนิดหน่อยที่เราจะได้สัมผัสภาษาอังกฤษแบบจริงจัง จนมันเขยิบมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ดังนั้นวิธีการง่ายๆที่อยากจะให้ทดลองใช้ คือ ลองฟังเพลงภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เซฟเพลงเก็บไว้ในมือถือ ในโน้ตบุ๊ก เวลาว่างๆหรือยากทำงานเพลินๆ ลองเปิดมันขึ้นมาคลอไปเบาๆ คุณไม่อาจเข้าใจได้หรอกว่าเพลงนี้เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร มีคำศัพท์อะไรบ้างที่คุณเข้าใจ แต่มันก็ทำให้คุณคุ้นเคยและไม่รู้สึกอึดอัดเวลาที่เจอมัน บางทีคุณอาจจะนึกครึ้ม อยากร้องเพลงนี้ได้ สิ่งที่ทำต่อมาคือ เริ่มเปิดหาเนื้อร้อง แล้วฝึกร้องตาม ผิดบ้างถูกบ้าง ใครจะใส่ใจล่ะ ในเมื่อคนที่ได้ คือตัวเรา อีกตัวอย่างหนึ่ง ฟังข่าว ในเวลาขับรถ แต่งหน้าแต่งตัว ออกกำลังกาย ให้ลองเปิดข่าวภาษาอังกฤษฟังไปด้วย คุณจะได้คุ้นเคยกับภาษาพูด โทนเสียงที่ราบเรียบเหมือนคนคุยกัน บางทีถ้ามีสมาธิมากพอที่จะฟังมันสักนิด ก็จะรู้ได้ทันทีว่าไม่ยากเลย เพราะข่าวที่เราฟังเป็นเนื้อหาที่เกิดในประเทศไทย เนื้อหาข่าว ชื่อจังหวัด ชื่อบุคคลต่างๆที่คุ้นเคย มันก็ทำให้เราไม่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษที่เราฟังมันแปลกแยกแตกต่างอย่างชัดเจน ลองฟังมันเพลินๆ วันละครั้งสองครั้งก็พอ แล้วคุณจะได้รู้ว่า มันก็ไม่น่ากลัวนี่หว่า
สุดท้ายของเทคนิคง่ายๆให้ชอบภาษาอังกฤษ เอาไปใช้ นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในบรรดาเทคนิคที่ว่ามา ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า ชีวิตเรามักไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษมากนัก หันซ้ายขวาหน้าหลังก็เจอแต่คนไทย พูด ฟัง อ่าน เขียน ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาไทย แม้ว่าบ้านเราจะมีชาวต่างชาติเข้ามาค่อนข้างเยอะ แต่ ถ้าไม่ได้มีเจ้านายเป็นชาวต่างชาติหรือทำงานในต่างประเทศ มันก็ยากมากที่จะได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ดังนั้น อย่ารอให้เราไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นแล้วค่อยใช้ แต่ให้สร้างสภาพแวดล้อมนั้นๆขึ้นมาเอง เอาเป็นว่า เริ่มจากสิ่งที่ต้องเปิด ต้องดูทุกวัน เฟซบุ๊ก อีเมล์ อุปกรณ์เทคโนโลยีทั้งหลาย ให้ตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษซะ แค่นี้คุณก็บังคับตัวเองให้เจอมันได้ทุกวันทุกเวลา เปิดยูทูป ลองคลิกเข้าไปดูคลิปไหนที่คนดูกันเยอะๆแต่เป็นภาษาอังกฤษ ลองกลั้นใจเปิดเข้าไปดู มันอาจจะเป็นคลิปฮาๆขำๆ แต่นั้นก็หมายความว่า คุณเริ่มดึงภาษาอังกฤษมาอยู่กับคุณแล้ว ดูหนังก็ให้ดูเป็น English movie แทน และเปิดซับแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย เริ่มจากหนังที่มีเนื้อหาง่ายๆ ที่บางทีคุณฟังไม่เข้าใจแต่โดยรวมแล้วเข้าใจ และถ้าคุณพยายามอีกเป็นครั้งที่สอง ให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แต่ไม่มีซับใดๆทั้งนั้น ฝึกความชำนาญ แน่นอนค่ะ ช่วงแรกๆคุณอึดอัด ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องตามไม่ทัน แต่ถ้าอดทนและฝึกไปเรื่อยๆ มันจะทำให้คุณฟังภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น อ่านได้ไวขึ้น อย่าท้อเด็ดขาด พูดก็พูดกับตัวเอง พูดกับน้องๆ พ่อแม่ ฝรั่งที่เป็นนักท่องเที่ยวเวลาที่ดูแล้วเค้าจะงงๆ ไปไหนไม่ถูก ก็ให้เข้าไปเสนอความช่วยเหลือได้ รู้นะว่าบางคนรีบเดินหนีไป ไม่ก็ส่ายหัว ส่ายหน้า โบกมือ แล้วพูดว่า “โน” ลองดึงตัวเองไปอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะๆ หรือต้องใช้แน่ๆ ไม่ก็สร้างมันขึ้นมาเอง อย่ารอ เพราะมันอาจจะสายไปแล้วก็ได้
ด้วยสามเทคนิคง่ายๆที่จะทำให้คุณชอบภาษอังกฤษนี้ อยากให้ทุกคนเริ่มทำ เพราะมันง่ายและสนุก อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะความสามารถด้านภาษามันจะลดลงไปเรื่อยๆ หากคุณไม่นำมันออกมาใช้ อย่าแปลกใจเมื่อความรู้ภาษาอังกฤษที่เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้นานๆ วันหนึ่งมันจะหายไปจากหัว หรือกว่าจะนึกแต่ละคำออกมาเขียน หรือใช้ ก็ยากและนานมาก ฝึกทุกวัน วันละนิด แล้วพอรู้ตัวอีกทีทักษะภาษาอังกฤษก็เพิ่มพูนแบบไม่รู้แล้ว ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก เพราะถ้ามันสนุก เราก็จะรักมัน และคนเราจะทำในสิ่งที่รักได้ดีที่สุด พบกับคำตอบสุดท้ายในการ เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ที่ไหนดี กับที่สถาบันของเรานะครับ
บทความโดย : ครูหยก
เคล็ดลับของ Ronik ในการพัฒนาภาษาอังกฤษ
วันนี้เราดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำ Ronik ให้ทุกคนได้รู้จัก ผู้สมัครขอวีซ่าประเทศแคนาดาและรองประธานองค์กร “The Wishing Factory” องค์กรที่ไม่หวังผลกำไรเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการสอบข้อสอบ IELTS ให้ได้คะแนนสูง เขาบอกว่า:
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเกี่ยวกับภาษาคือตัวของมันเอง สิ่งที่ต้องการคือยอมรับมันด้วยความกล้าหาญและความเชื่อใจ คนส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักที่เผชิญกับความยากลำบากในการแสดงความรู้สึกเป็นภาษาอังกฤษ คือคนที่ไม่เคยพยายามใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเลย กลัวว่าจะเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณไม่มีทางทำได้หากไม่เริ่ม
การพัฒนาปรับปรุงคะแนนในข้อสอบการอ่าน ผมแนะนำให้ทุกคนเริ่มอ่านหนังสือที่คุณสนใจหรืออย่างน้อยหนังสือพิมพ์รายวัน เพื่อที่คุณสามารถเข้าใจความหมายของบทความอย่างชัดเจน หลายคนเสียคะแนนจากคำถามประเภท ‘Yes/No/Na’ หรือ ‘True/False/Not Given’ สิ่งสำคัญที่สุดคือความหมายของประโยคนั้นได้ถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนในบทความหรือไม่ และการอ่านเป็นประจำทุกวันยังช่วยในการหาความหมายที่ซ่อนอยู่ได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย สำหรับคนที่มีนิสัยรักการอ่าน เวลาไม่เป็นอุปสรรคและจะไม่รีบเร่งทำให้เสร็จอีกด้วย
เมื่อมาถึงการอ่าน การดูหนังภาษาอังกฤษและ/หรือซีรี่ย์ช่วยได้เป็นอย่างดี แต่ให้ดูพร้อมคำบรรยาย สิ่งนี้ช่วยพัฒนาความสามารถในการจับสำเนียงโดยไม่จำเป็นต้องพยายามเลย นี่เป็นตัวอย่างที่คุณสามารถเรียนรู้และสนุกสนานได้ในเวลาเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งคือต้องมีความมั่นใจในการสะกดคำเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียคะแนนเพราะข้อผิดพลาดในการสะกดคำ (ผมยังจำได้ดีว่าผมสับสนมากแค่ไหนเกี่ยวกับการสะกดคำง่ายๆ เช่นคำว่า ‘mirror’)
ในข้อสอบการเขียนนั้น คุณสามารถเริ่มด้วยการแสดงความรู้สึกผ่านการเขียนไดอารี่หรือความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของที่คุณสนใจ ยกตัวอย่างเช่น ผมชอบเทนนิสมากดังนั้นผมจึงเริ่มเขียนเกี่ยวกับนักเทนนิสที่มีชื่อเสียง และแรงบันดาลของเขาที่มีต่อตัวผมผ่านประวัติชีวิตของพวกเขา ด้วยวิธีนี้คุณเริ่มคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ที่ช่วยรวมรวมความคิดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและถูกกาลเทศะ การฝึกฝนแบบนี้หากทำทุกวันจะช่วยได้มาก คุณสามารถเพิ่มจำนวนคำมากขึ้นเรื่อยๆในงานเขียนแต่ละครั้ง
การพูดเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับวิธีการรับรู้ภาษาจากผู้ฟัง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณได้คะแนนพิเศษคือความมั่นใจในขณะที่พยายามถ่ายทอดความคิดเห็นของคุณและการแสดงความรู้สึกทางใบหน้า/ภาษากาย (เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถสื่อถึงสิ่งที่ต้องการจะพูดได้หรือไม่)
สำหรับใครที่อยากได้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม พลาดไม่ได้เลยครับ กับเว็บ เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ออนไลน์ ฟรี คลิ๊กเลย รวมทุกคลังความรู้ทีี่เป็นประโยชน์แก่คนบนโลกใบนี้
วิธีการพัฒนาทักษะการฟังในภาษาอังกฤษ
ได้ยินนักเรียนหลายคนบ่นว่า ฟังฝรั่งไม่รู้เรื่องเลยค่ะ พูดเร็วมาก ไม่คุ้นสำเนียงเลยค่ะ ฟังไม่ออก ไม่คุ้นหู ไม่ชิน (ทั้งสำเนียงอเมริกัน/อังกฤษ หรือ แขก และ เอเชีย) จะทำยังไงดีคะเนี่ย ซึ่งก็จะคำแนะนำอยู่สองสามข้อ และจะสอนทิปคุณบางอย่างเพื่อ พัฒนาทักษะการฟังนะคะ วิธีต่างๆที่คุณได้เรียนเรื่องการฟังนั้น คุณอาจจะมีตำรา, หรือซีดี ปัญหาเกี่ยวกับตำราเรียนหรือซีดีนั้นคือภาษานั้นไม่เป็นธรรมชาติ บทสนทนาจะเป็นแบบ
A: Hello! My name is Wanna, what is your name?
B: My name is Mary.
A: Nice to meet you Mary.
ว่ากันง่ายๆเลยก็คือ ลองนึกถึงสภาพความเป็นจริง เวลาเราเจอเพื่อนใหม่ เราจะพูดอย่างไร ถ้าพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติคือ “สวัสดีครับ ผมชื่อธนาวุฒิ คุณชื่ออะไร” ถามจริงเหอะ (ว่ะ) เวลาเจอเพื่อนใหม่เราพูดอย่างงี้เหรอ คำตอบคือไม่ใช่ อาจจะเป็นว่า เฮ้ย เมิงชื่อไรฟระ? น่าน…. ดังนั้นตำราเรียนภาษาอังกฤษนั้น จึงไม่ใคร่เป็นธรรมชาตินักและมันไม่ค่อยสอนคำหรือ วลีที่ปกติเราพูดกันในภาษาอังกฤษทุกๆวันนี้ ดังนั้นวิธีที่จะพัฒนาการฟังคือ
1. Watch Movies
2. Listen to Music
3. Go Out
ข้อแรกคือ การชมภาพยนตร์ ข้อดีจริงๆของการชมภาพยนตร์คือ บางทีคุณอาจจะชอบหนังเรื่องนั้น และมันสนุก ดังนั้นก็อย่ากลัวที่จะรับชมภาพยนตร์แล้วบอกคนอื่นๆว่า คุณเรียนภาษาอังกฤษ (จากการชมภาพยนตร์ ) คำแนะนำเพิ่มเติมก็คือ เมื่อคุณรับชมภาพยนตร์ก็คือให้ชมด้วยซับไตเติลในภาษาของคุณค่ะ(ให้ดูซับไทย) เมื่อคุณชม”ครั้งเริ่มแรก” คุณสามารถชมด้วยซับไตเติ้ลในภาษาของคุณแล้ว เมื่อคุณเข้าใจภาพยนตร์แล้ว คุณรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็สามารถเปลี่ยนเป็น ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษค่ะ
ดังนั้นคุณก็จะได้เห็นว่าคนในภาพยนตร์เค้าพูดอะไรจริงๆ ดังนั้นคุณ ก็สามารถเรียนวิธีการสร้างคำ, การออกเสียง ของเค้า และนอกจากนั้น คุณยังได้เรียนรู้คำศัพท์ และแสลงค่ะ คำศัพท์แสลงเป็นจำนวนมากเลยค่ะ เพียงสิ่งเดียวที่ไม่ดีเกี่ยวกับภาพยนตร์ ก็คือ มันยาวมาก นักเรียนบางคนอาจเบื่อได้ ภาพยนตร์ยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สิ่งที่ดีกว่าที่จะทำเมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษเรื่องการฟัง ก็คือการดูทีวีค่ะ รายการโทรทัศน์ปกติแล้ว มีความยาว 20 นาที และคุณก็สามารถหามารับชมได้จากทั่วโลก ถ้าคุณต้องการฟังภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช หรืออเมริกันอิงลิช คุณสามารถเลือกรายการโทรทัศน์จากอังกฤษหรือจากอเมริกา และเราก็มีรายการโทรทัศน์จากคานาดาด้วย รายการโทรทัศน์นั้นน่าจะดีกว่าภาพยนตร์เพราะว่ามันสั้นกว่า ยิ่งคุณนั่งหน้าจอโทรทัศน์หรือจอภาพยนตร์นานเท่าไหร่ และได้ฝึกแปลภาษา สมองคุณจะเริ่มเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น แล้วคุณก็จะยอมแพ้ เลิกทำ เพราะมันเยอะไป เหมือนการบ้าน ดังนั้น 20 นาที ดูรายการโทรทัศน์ ครั้งแรกเปิดซับภาษาที่คุณใช้(ซับไทย) แล้วครั้งต่อมาเปิดซับภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยคุณพัฒนาทักษะการฟัง เมื่อคุณทำอย่างนี้ได้สองสามครั้ง คุณจะอยากชมมันเรื่อยๆ แล้วคุณสามารถปิดซับไตเติ้ล แล้วก็”ฟัง”ว่าเค้าพูดอะไร จะเตือนนักเรียนนะคะ ว่าเค้าพูดเร็วมากๆ ดังนั้นคุณต้องใช้ซับไตเติ้ลก่อน ก็จะช่วยคุณได้มากทีเดียวค่ะ
ข้อต่อมา เป็นข้อหนึ่งที่หลายคนชอบนะคะ คือดนตรี ทุกคนรักดนตรีค่ะ ใช่มั๊ยคะ? เมื่อคุณฟังดนตรี คุณต้องเข้าใจว่าดนตรีนั้นไม่ใช่หลักไวยากรณ์ (grammar) ดนตรีนั้นเขียนผิดแกรมม่าค่ะ เป็นแกรมม่าที่แบบผิดชัวร์, ภาษาวิบัติเลยค่ะ แกรมม่าแย่มาก เค้าพูดอะไรอย่าง I ain’t got know you bebe! ซึ่งนั่นไม่ใช่แกรมม่าน่ะค่ะ ดังนั้นกรุณาอย่าตามแกรมม่าในเพลง อย่าคิดว่าคุณจะเรียนแกรมม่าจากเพลงนะคะ แต่ที่คุณสามารถทำได้ คือคุณสามารถดู lyrics ปกติแล้วคือ the words to the song ดังนั้นเมื่อคุณมีซีดีหรือเอ็มพีทรี หรืออะไรก็ตามที่ใช้บันทึกเพลงได้ ให้ดูในอินเตอเนตดู lyrics เนื้อเพลงของเพลงแล้วปรินท์ออกมา แล้วดูเนื้อแล้วฟังจากเพลง แล้วฟังคำ (เวลาเค้าออกเสียง) นั่นจะช่วยคุณเรื่องการฟัง
ข้อสุดท้าย แปลว่า ออกไปข้างนอก มีนักเรียนหลายคนที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่างประเทศ แต่ก็ยังมีปัญหากับการฟัง สิ่งสุดท้ายที่คุณสามารถทำได้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของคุณ คือ Go Out ค่ะ อย่าอยู่บ้านค่ะ ถ้าคุณอยู่ในประเทศที่ผู้คนไม่พูดภาษาอังกฤษ คุณจะไม่สามารถฟังภาษาอังกฤษได้จากนอกบ้านนัก แต่ถ้าคุณมาที่คานาดาหรือ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และคุณยังคงเรียนรู้ภาษาอยู่ กรุณาอย่าเพียงแต่อยู่บ้านแล้วดูโทรทัศน์ ออกไปข้างนอกค่ะ ไปห้าง, ไปร้านค้า, ฟังเวลาคนอื่นเค้าสนทนากัน, ไปเดินในสวน, เดินตามผู้คนแล้วหลบหลังต้นไม้ (ไม่ใช่โจรนะ) มันสำคัญมากๆ ทักษะการฟังสำคัญมากๆเท่าๆกับประสาทสัมผัสต่างๆ เมื่อคุณอยู่ในโลก ในสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนรอบๆตัวคุณนั้นล้วนพูดภาษาอังกฤษกัน คุณจะเริ่มค่อยๆรู้เรื่องขึ้น และนั่นจะง่ายขึ้นสำหรับคุณในการที่จะเรียนรู้เพราะว่ามันอยู่รอบตัวคุณเสมอ สำหรับ การจะประสบความสำเร็จในส่วนของ listening ซึ่งจะเป็น part เดียวที่เรามีโอกาส ทำได้ครบ และได้คะแนนสูงหากฟังออก โอกาสที่จะได้คะแนนจึงมีมากกว่า part reading
พบกับคำตอบสุดท้ายในการ เรียนภาษาอังกฤษพิ้นฐาน ที่ไหนดี ไม่ว่าจะเป็นการติวปูพื้นสำหรับการสอบต่างๆ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น เรียนเพื่อการใช้สนทนา สื่อสารกับเพื่อน เรียนเพื่อแต่งงานกับชาวต่างชาติ ด้วยคอร์สเรียนเล็กๆ คอร์สระยะสั้นกระชับ บรรยากาศเป็นกันเอง หรือเลือกเรียนตัวต่อตัว ราคาคุ้มค่า แบบออนไลน์ หรือ ออนไซต์ ครูมากความรู้และประสบการณ์ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้งานได้จริง กับ สถาบัน Acknowledge สถาบันที่อยู่คู่กับผู้เรียนภาษามากกว่าสิบปี