เรียน TOEIC ที่ไหนดี
เรียน TOEIC คอร์สเรียนรวม หรือ ติว TOEIC ตัวต่อตัว ออนไลน์ไม่มีพื้นฐานก็สามารถปรับพื้นฐานได้ กับสถาบัน Acknowledge เพราะเราตระหนักดีว่าการสอบ โทอิค เป็นการสอบที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่า การสอบเข้า เรียนในระดับมหาวิทยาลัย ของเด็กนักเรียนระดับ ม.ปลาย (การสอบจะจัดขึ้นที่ตึกบีบีนะครับ) เพราะนั่นหมายถึง คะแนนที่ได้ จะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ในบางครั้งจะเป็นตัวกำหนดชีวิตของคนคนนั้น (จริงๆไม่ได้อยากจะให้เครียดนะครับ) รวมถึงการก้าวหน้าในตำแหน่ง หน้าที่การงาน ผู้เรียนบางท่านต้องใช้ในการปรับเงินเดือน บางท่านใช้ในการเลื่อนขั้น บางท่านต้องใช้ในการสมัครงาน หรือบางทีอาชีพที่คนส่วนใหญ่ใฝ่ฝัน ไ่ม่ว่าจะเป็นแอร์โฮสเตจ หรือสจ๊วต ต่างก็ต้องสอบกันทั้งนั้น ดังนั้นสถาบันของเราจึงจัดชุดอาจารย์ที่ดีที่สุด และผ่านการสอบด้วยคะแนนสูงลิ่ว มาทำการ ติว TOEIC ให้กับทุกท่าน โดยจะเป็นอาจารย์ 2 ท่าน แยกรับผิดชอบสอนแยกในแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็น Listening Grammar Reading โดยอาจารย์ทุกท่านมีประสบการณ์ติว TOEIC มายาวนาน อีกทั้งล้วนเคยสอบได้เกือบเต็มมาแล้วไม่ว่าจะเป็น ครูโอเบส ครูปั๋ม และครูดิว ครูปอ โดยหลักการของอาจารย์ ขอให้สถาบันของเรา ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของทุกคน

สำหรับข้อสอบโทอิค ในส่วนของการอ่าน ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่บทความ ทางธุรกิจเป็นส่วนมาก (ก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะ โทอิคเป็นข้อสอบที่เอาไปใช้เพื่อการทำงาน) ไม่ว่าจะเป็น ข้อความโฆษณา อ่านจดหมาย การอ่านอีเมลตอบรับจากลูกค้า อีเมลจากหัวหน้าไปบอกลูำกน้อง หรือจะเป็นการจองโรงแรม เป็นต้น ดังนั้น การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษจะช่วยได้มาก หากฝึกที่อ่านบทความเล็กๆ ในช่วงเวลาเช้าระหว่างก่อนเข้างาน อีกทั้งจำไว้ว่า หากผู้เรียนคนไหนไม่คล่องใน part ไหน ก็ต้องพยายามเพิ่มขึ้น อย่าไปทิ้ง part นั้นๆ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือทำไม่ทัน เพราะข้อสอบค่อนข้างเยอะ (200 ข้อ) แต่อย่างไรก็ตามเราต้องฝึกให้มีความเคยชินในภาษาอังกฤษ นั่นคือ จะต้องเอาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ มาอ่านทุกๆวัน หากมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ การฝึกพูดให้คล่อง จะมีส่วนช่วยในการทำข้อสอบได้เร็วขึ้นเป็นเงาตามตัว
คอร์ส TOEIC เร่งรัด สอนสด
คอร์ส TOEIC มีเรียน สองแบบ คอร์ส เรียนรวมวันธรรมดา จันทร์ อังคาร หรือ เสาร์ อาทิตย์ ราคา คอร์ส 1900 บาท
วันเริ่ม
|
เวลา |
วัน
|
ประเภท
|
15 มีนาคม 2568 | 09.00-16.00น | เสาร์ อาทิตย์ | สอนสด/ออนไลน์ |
17 มีนาคม 2568 | 09.00-16.00น | จันทร์-ศุกร์ | สอนสด/ออนไลน์ |
หมายเหตุ
- รวมค่าเอกสารทุกอย่างแล้ว หากเปิดคอร์สไม่ได้ ทางสถาบันจะคืนเงินให้เต็มจำนวน ซึ่งคอร์สสอนสด รับรองผลคะแนน หากคะแนนสอบไม่เป็นที่น่าพอใจ หากเรียนครบสองวันแล้วสอบไม่ผ่าน สามารถกลับมาเรียนซ้ำคอร์สได้ฟรีอีกหนึ่งครั้ง แต่จะต้องเข้าเรียนคอร์สในครั้งแรกครบทั้งสองวัน (รบกวนเขียนรีวิวให้ทางสถาบันก่อนมาซ้ำคอร์ส)
- เรียน TOEIC คอร์สของสถาบันเป็นคอร์สเร่งรัด ด่วนสรุป รีบเรียน รีบจำ ดังนั้นจะไม่มีการปูพื้นอะไรมากนักเน้นโจทย์ ซึ่งอาจจะมีพื้นฐานให้บ้าง ไม่เน้นเนื้อหา ไม่ค่อยปูพื้น เพราะมันไม่ทัน เน้นจำ อัด ยัดให้แน่น เน้นเทคนิคคิดลัด เรียนเสร็จแล้ววิ่งไปสอบ ที่สำคัญเป็นคอร์สเรียนสด สามารถซักถามทั้งในและนอกห้องเรียนกับครูได้โดยตรง โดยจะเป็นครูไทย 2 ท่าน ที่่ชำนาญในแต่ละทักษะโดยตรง
- โจทย์ของเราจะเป็นฐานข้อสอบโทอิค เก่าๆที่หลากหลายทุกรูปแบบ การให้คำศัพท์เป็นชุดๆที่จะต้องเจอในข้อสอบอยู่แล้ว ทำให้ผู้ที่มาเรียนเข้าสนามสอบด้วยความมั่นใจ
- นอกเหนือจากคอร์สเรียนรวมแล้วสถาบันเรายังมีการติว TOEIC ตัวต่อตัว ออนไลน์อีกด้วยนะครับ ซึ่งคอร์ส Private ดังกล่าวสามารถเลือกวันเวลาเรียนเองได้ตามสะดวก โดยจะมาเรียนที่สถาบันหรือว่าจะเรียนออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom ก็ได้ สำหรับการเรียนตัวต่อตัวในแต่ละครั้งจะเรียนครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง
- เป็นคอร์สไม่ใหญ่ ส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณสิบกว่าคน ไม่ต้องขี่คอกันเรียน หรือไม่ต้องกลัวว่าจะแย่งอากาศกันหายใจ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าครูจะดูแลไม่ทั่วถึง รับรองว่าครูจะดูและเราเป็นอย่างดี เปิดโอกาสให้ซักถาม ทั้งในและนอกห้อง
- ถึงแม้ว่าจะเป็นคอร์สเร่งด่วน แต่เราก็ไม่ได้สอนเร็วมากอย่างที่เข้าใจกันนะครับ แต่ที่จะทำกันคือจะเลือกหัวข้อเน้นๆแล้วนำมาสอนเพื่อให้เก็บคะแนนหลักๆให้ได้นั่นเอง สำหรับผู้ที่ต้องการให้ได้คะแนนโทอิคสูงมากๆก็แนะนำให้มาเรียนเพิ่มเป็นการเรียนแบบ Private จะเพิ่มคะแนนสอบอย่างเห็นได้ชัด
- ในกรณีเปิดคอร์สเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินในทุกกรณี
- ในกรณีดรอปคอร์ส (พักการเรียน) นักเรียนจะต้องชำระค่าดรอปคอร์ส 1,500 บาท
- สำหรับการ ติว TOEIC ตัวต่อตัว ออนไลน์ ถ้าขาดการติดต่อเกินสามเดือนถือว่าสละสิทธิ์
ข้อสอบ TOEIC คืออะไร
TOEIC เพื่อใช้ในการสอบ จะต้องมีการเตรีนมตัวให้พร้อม แม้ว่าข้อสอบจะง่ายกว่าตัวอื่นๆ แต่ก็เป็นข้อสอบที่มีสถิติที่ใช้ในการสมัครงานสูงที่สุด เพราะเป็นข้อสอบที่สามารถใช้วัดระดับการสอบภาษา อังกฤษได้กว้างมาก หากต้องการภาษาอังกฤษสำหรับการสมัครงานก็จะต้องเป็นการสอบ TOEIC เหตุนี้จึงทำให้คนทำ งานอีกหลายๆ คนหันมาเลือก TOEIC เพื่อเตรียมตัวก่อนสอบกันมากขึ้น อย่างน้อยหากได้คะแนนดีๆ ก็ยังพอเป็นใบเบิกทางที่จะขอเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน หรือเปลี่ยนไปทำงานที่ตรงกับความต้องการ ที่มีผลการเรียนและผลสอบเป็นหลักค้ำประกัน ในกรณีที่คุณสามารถทำคะแนนได้ดี
แล้ว TOEIC สอบแล้วนำไปใช้ทำอะไร? TOEIC เพื่อใช้ในการเตรียมตัวก่อนสอบ ควรได้คะแนนขั้นต่ำเท่าไร ถึงเรียกว่าใช้ได้ ซึ่งหลักๆ ที่ใช้คือการสมัครงาน คะแนนต่ำสุดคือ 300 – 400 สำหรับคะแนนระดับนี้สามารถใช้สมัครงานประเภทคนเช็คสต๊อก หัวหน้า เสมียน แม่บ้าน บาร์เทนเดอร์ บริกร ฯลฯ หากได้คะแนนขั้นมาตรฐานที่ควรจะได้คือประมาณ 650 ขึ้นไป คะแนนในส่วนนี้จะสามารถนำไปใช้สมัครพวกแอร์โฮสเตส พนักงานโรงแรม หากเป็นอาชีพที่เป็นเชิงวิชาการขึ้นมาอย่างง วิศวกร หรือโปรแกรมเมอร์ คะแนนของ TOEIC จะอยู่ที่ระดับ 800 ซึ่งคนที่ได้คะแนน TOEIC 800 ขึ้นไป นอกจากจะได้เรียกตัวในการสมัครงานแล้วยังอาจเป็นส่วนหนึ่งของใบเบิกทางสำหรับตำแหน่งหรือเงินเดือนที่สูงขึ้นในบางบริษัทด้วย โดยการสอบTOEIC จะมีทั้งหมดสองพาร์ท คือ Listening กับ Reading แต่ละพาร์ทจะมีข้อสอบ 100 ข้อ มีคะแนน 450 คะแนน รวม 2 พาร์ทจะได้ 990 คะแนน
ในส่วนของการฟัง Listening จะมีข้อสอบ 4 ช่วง คือ Photographs คือ 1.เป็นการดูรูปฟังช้อยส์และตอบคำถาม , 2.Question – Response เป็นบทสนทนาสั้นๆ โต้ตอบกัน , 3.Short Conversations เป็นบทสนทนาที่ยาวขึ้นมา และ 4.Short Talks จะเป็นบทสนทนาพูดคุยและตอบคำถาม ในส่วนของพาร์ทการอ่าน Reading จะมี 3 ช่วง คือ 1.Incomplete Sentences มีประโยคให้ มาและเว้นช่องว่างให้เติมคำ ,2 . Error Recognition ให้หาส่วนที่ผิด และ 3 .Reading Comprehensive
การเตรียมตัวสอบ TOEIC
ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้จุดประสงค์ในการเรียน ว่าจะเรียนเพื่ออะไร และหากมีการสอบคะแนนที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร จะได้ตั้งเป้าหมายได้ถูก แล้วจะต้องเตรียมตัวทบทวนแกรมม่า แต่ถ้าใครเคยสอบ TOEFL IELTS SAT ฯลฯ มาก่อน การสอบแกรมม่าจะคล้ายๆ กันหมด สำหรับใครที่เคยผ่านข้อสอบแบบ Standard test มาแล้ว หากมาทำ TOEIC ก็จะไม่ยากเท่าไหร่ ในส่วนของการอ่านก็อาจไปเรียน เพิ่มเติมเพื่อลองทำข้อสอบที่เป็น text ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ บทความส่วนใหญ่จะเป็นด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ การสมัครงานหรือเทคโนโลยีต่างๆ ส่วนเรื่องคำศัพท์ไม่ได้เป็นคำศัพท์ที่ยากมาก แต่ก็ต้องมีการทบทวนบ้าง ซึ่งลักษณะของข้อสอบก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน เพราะต้องทำความเข้าใจว่ามีข้อสอบแบบไหนบ้าง เรื่องของเวลาสำคัญมากจริงๆ เพราะ TOEIC เป็นข้อสอบที่อ่านรอบเดียวแล้วคิดและจัดการตอบเลย เวลาที่จะกลับมาทวนจะมีน้อยมากๆ ซึ่งจะต้องแบ่งเวลาให้ดี
วิเคราะห์แนวข้อสอบ TOEIC
ในส่วนของพาร์ท Listening ในช่วงแรกที่เป็นรูปจะเป็นช่วงที่ง่ายมากถึงง่ายที่สุด ซึ่งคุณควรเก็บรายละเอียดให้ดีว่าใครทำอะไรที่ไหนให้ดี จะมีคำถามกับช้อยส์ตามมา สิ่งที่สำคัญคือในเรื่องของการออกเสียงต้องระวัง คำบางคำออกเสียงคล้าย กันมากแต่ความหมายต่างกัน ในส่วนถัดมาเป็นบทสนทนาสั้นๆ ต้องพยายามฟังให้ดีเพราะหากฟังไม่ทันก็จะไม่มีข้อมูลอื่นมาช่วย ในส่วนถัดมาจะเป็นบทสนทนาแบบยาวๆ ขึ้นมาแต่ไม่ได้มีรายละเอียดออกมาชัดเจน ต้องพยายามวิเคราะห์ในการตอบคำถามให้ดี ส่วนสุดท้ายจะเป็นการ พูดจะมีคนๆ เดียวพูดบทความยาวๆ ประมาณหนึ่งย่อหน้า โดยก่อนที่จะเริ่มทำข้อสอบพยายามใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ดูคำถามว่าเขาถามอะไร เวลาเราฟังจะได้จับประเด็นใจความสำคัญได้ ให้ฟังอย่างตั้งใจที่สุด ข้อดีคือเวลาฟังสามารถจดบันทึกได้
ในส่วนของพาร์ท Reading คำถามค่อนข้างจะตรงไปตรงมาจะต่างกันที่คำศัพท์ที่นำมาใช้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ลองอ่านคำถามก่อนแล้วจึงไปหาคำตอบในเนื้อเรื่อง เป็นข้อสอบที่เร็วมากข้อสอบมี 100 ข้อแต่ให้เวลาแค่ 75 นาทีเท่านั้น ที่ง่ายที่สุดของ Reading คือส่วนแรกเป็น Incomplete Sentences จะสามารถทำตรงนี้ได้ดีคือคุณต้องเข้าใจ Parts of Speech ต้องรู้ว่าอะไรคือ ประธาน กริยาและ กรรม เรื่องของ Adjectives Adverb หากสามารถวิเคราะห์ประโยคได้ก็จะรู้ว่าคำที่หายไปคืออะไร ต่อมาเป็นส่วนของเออเรอร์ Error จะเป็นส่วนที่ยากที่สุด และเป็นส่วนที่หลายคนมักจะผิดพลาดมากที่สุด ซึ่งต้องแม่นเรื่องไวยากรณ์ และคำศัพท์ ส่วนสุดท้ายคือ Reading Comprehensive เป็นการอ่านบทความและตอบคำถาม ข้อสอบ TOEIC แบบรีดีไซน์ ฯลฯ
การเรียน TOEIC เพื่อทำข้อสอบให้ได้คะแนนดี
สำหรับการเรียนเพื่อเป้าหมายในการทำคะแนนสอบที่ดี อย่างแรกต้องคำนึงคือเรื่องของเวลา เป็นเรื่องที่สำคัญ จ้องมีการจัดการเวลาที่ดีในเรื่องของการทำข้อสอบ หากเจอข้อไหนที่ทำไม่ได้อย่าข้ามให้พยายามเดาไปก่อนหรือทำเครื่อง หมายไว้หากมีเวลาจะได้กลับมาดูใหม่ ส่วนมากจะไม่มีเวลาย้อนกลับมาดู หากคุณเว้นไว้โอกาสที่ไม่สามารถกลับมาทำได้มีสูง ข้อสอบแบบ Standard test ควรจะอ่านจะตีโจทย์ให้แตกภายในครั้งเดียวเพราะหากใช้เวลาคิดและทำความเข้า ใจนานจะทำให้คุณไปในส่วนอื่นไม่ทัน แต่หากมีความพร้อมก่อนสอบอาจจะช่วยลดความตื่นเต้น หรือช่วยปูพื้นฐาน รวมทั้งมีเทคนิคในการทำข้อสอบให้ดีขึ้นก็ได้
การฟังในภาษาอังกฤษ
ในคอร์ส เรียน TOEIC มักได้ยินนักเรียนหลายคนบ่นว่า ฟังฝรั่งไม่รู้เรื่องเลยค่ะ พูดเร็วมาก ไม่คุ้นสำเนียงเลยค่ะ ฟังไม่ออก ไม่คุ้นหู ไม่ชิน (ทั้งสำเนียงอเมริกัน/อังกฤษ หรือ แขก และ เอเชีย) จะทำยังไงดีคะเนี่ย ซึ่งก็จะคำแนะนำอยู่สองสามข้อ และจะสอนทิปคุณบางอย่างเพื่อ พัฒนาทักษะการฟังนะคะ วิธีต่างๆที่คุณได้เรียนเรื่องการฟังนั้น คุณอาจจะมีตำรา, หรือซีดี ปัญหาเกี่ยวกับตำราเรียนหรือซีดีนั้นคือภาษานั้นไม่เป็นธรรมชาติ บทสนทนาจะเป็นแบบ
A: Hello! My name is Wanna, what is your name?
B: My name is Mary.
A: Nice to meet you Mary.
ว่ากันง่ายๆเลยก็คือ ลองนึกถึงสภาพความเป็นจริง เวลาเราเจอเพื่อนใหม่ เราจะพูดอย่างไร ถ้าพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติคือ “สวัสดีครับ ผมชื่อธนาวุฒิ คุณชื่ออะไร” ถามจริงเหอะ (ว่ะ) เวลาเจอเพื่อนใหม่เราพูดอย่างงี้เหรอ คำตอบคือไม่ใช่ อาจจะเป็นว่า เฮ้ย เมิงชื่อไรฟระ? น่าน…. ดังนั้นตำราเรียนภาษาอังกฤษนั้น จึงไม่ใคร่เป็นธรรมชาตินักและมันไม่ค่อยสอนคำหรือ วลีที่ปกติเราพูดกันในภาษาอังกฤษทุกๆวันนี้ ดังนั้นวิธีที่จะพัฒนาการฟังคือ
1. Watch Movies
2. Listen to Music
3. Go Out
วิธีการเพิ่มทักษะการฟัง
ข้อแรกคือ การชมภาพยนตร์ ข้อดีจริงๆของการชมภาพยนตร์คือ บางทีคุณอาจจะชอบหนังเรื่องนั้น และมันสนุก ดังนั้นก็อย่ากลัวที่จะรับชมภาพยนตร์แล้วบอกคนอื่นๆว่า คุณเรียนภาษาอังกฤษ (จากการชมภาพยนตร์ ) คำแนะนำเพิ่มเติมก็คือ เมื่อคุณรับชมภาพยนตร์ก็คือให้ชมด้วยซับไตเติลในภาษาของคุณค่ะ(ให้ดูซับไทย) เมื่อคุณชม”ครั้งเริ่มแรก” คุณสามารถชมด้วยซับไตเติ้ลในภาษาของคุณแล้ว เมื่อคุณเข้าใจภาพยนตร์แล้ว คุณรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็สามารถเปลี่ยนเป็น ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษค่ะ
ดังนั้นคุณก็จะได้เห็นว่าคนในภาพยนตร์เค้าพูดอะไรจริงๆ ดังนั้นคุณ ก็สามารถเรียนวิธีการสร้างคำ, การออกเสียง ของเค้า และนอกจากนั้น คุณยังได้เรียนรู้คำศัพท์ และแสลงค่ะ คำศัพท์แสลงเป็นจำนวนมากเลยค่ะ เพียงสิ่งเดียวที่ไม่ดีเกี่ยวกับภาพยนตร์ ก็คือ มันยาวมาก นักเรียนบางคนอาจเบื่อได้ ภาพยนตร์ยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สิ่งที่ดีกว่าที่จะทำเมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษเรื่องการฟัง ก็คือการดูทีวีค่ะ รายการโทรทัศน์ปกติแล้ว มีความยาว 20 นาที และคุณก็สามารถหามารับชมได้จากทั่วโลก ถ้าคุณต้องการฟังภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช หรืออเมริกันอิงลิช คุณสามารถเลือกรายการโทรทัศน์จากอังกฤษหรือจากอเมริกา และเราก็มีรายการโทรทัศน์จากคานาดาด้วย รายการโทรทัศน์นั้นน่าจะดีกว่าภาพยนตร์เพราะว่ามันสั้นกว่า ยิ่งคุณนั่งหน้าจอโทรทัศน์หรือจอภาพยนตร์นานเท่าไหร่ และได้ฝึกแปลภาษา สมองคุณจะเริ่มเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น แล้วคุณก็จะยอมแพ้ เลิกทำ เพราะมันเยอะไป เหมือนการบ้าน ดังนั้น 20 นาที ดูรายการโทรทัศน์ ครั้งแรกเปิดซับภาษาที่คุณใช้(ซับไทย) แล้วครั้งต่อมาเปิดซับภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยคุณพัฒนาทักษะการฟัง เมื่อคุณทำอย่างนี้ได้สองสามครั้ง คุณจะอยากชมมันเรื่อยๆ แล้วคุณสามารถปิดซับไตเติ้ล แล้วก็”ฟัง”ว่าเค้าพูดอะไร จะเตือนนักเรียนนะคะ ว่าเค้าพูดเร็วมากๆ ดังนั้นคุณต้องใช้ซับไตเติ้ลก่อน ก็จะช่วยคุณได้มากทีเดียวค่ะ
ข้อต่อมา เป็นข้อหนึ่งที่หลายคนชอบนะคะ คือดนตรี ทุกคนรักดนตรีค่ะ ใช่มั๊ยคะ? เมื่อคุณฟังดนตรี คุณต้องเข้าใจว่าดนตรีนั้นไม่ใช่หลักไวยากรณ์ (grammar) ดนตรีนั้นเขียนผิดแกรมม่าค่ะ เป็นแกรมม่าที่แบบผิดชัวร์, ภาษาวิบัติเลยค่ะ แกรมม่าแย่มาก เค้าพูดอะไรอย่าง I ain’t got know you bebe! ซึ่งนั่นไม่ใช่แกรมม่าน่ะค่ะ ดังนั้นกรุณาอย่าตามแกรมม่าในเพลง อย่าคิดว่าคุณจะเรียนแกรมม่าจากเพลงนะคะ แต่ที่คุณสามารถทำได้ คือคุณสามารถดู lyrics ปกติแล้วคือ the words to the song ดังนั้นเมื่อคุณมีซีดีหรือเอ็มพีทรี หรืออะไรก็ตามที่ใช้บันทึกเพลงได้ ให้ดูในอินเตอเนตดู lyrics เนื้อเพลงของเพลงแล้วปรินท์ออกมา แล้วดูเนื้อแล้วฟังจากเพลง แล้วฟังคำ (เวลาเค้าออกเสียง) นั่นจะช่วยคุณเรื่องการฟัง
ข้อสุดท้าย แปลว่า ออกไปข้างนอก มีนักเรียนหลายคนที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่างประเทศ แต่ก็ยังมีปัญหากับการฟัง สิ่งสุดท้ายที่คุณสามารถทำได้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของคุณ คือ Go Out ค่ะ อย่าอยู่บ้านค่ะ ถ้าคุณอยู่ในประเทศที่ผู้คนไม่พูดภาษาอังกฤษ คุณจะไม่สามารถฟังภาษาอังกฤษได้จากนอกบ้านนัก แต่ถ้าคุณมาที่คานาดาหรือ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และคุณยังคงเรียนรู้ภาษาอยู่ กรุณาอย่าเพียงแต่อยู่บ้านแล้วดูโทรทัศน์ ออกไปข้างนอกค่ะ ไปห้าง, ไปร้านค้า, ฟังเวลาคนอื่นเค้าสนทนากัน, ไปเดินในสวน, เดินตามผู้คนแล้วหลบหลังต้นไม้ (ไม่ใช่โจรนะ) มันสำคัญมากๆ ทักษะการฟังสำคัญมากๆเท่าๆกับประสาทสัมผัสต่างๆ เมื่อคุณอยู่ในโลก ในสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนรอบๆตัวคุณนั้นล้วนพูดภาษาอังกฤษกัน คุณจะเริ่มค่อยๆรู้เรื่องขึ้น และนั่นจะง่ายขึ้นสำหรับคุณในการที่จะเรียนรู้เพราะว่ามันอยู่รอบตัวคุณเสมอ สำหรับ การจะประสบความสำเร็จในส่วนของ listening ซึ่งจะเป็น part เดียวที่เรามีโอกาส ทำได้ครบ และได้คะแนนสูงหากฟังออก โอกาสที่จะได้คะแนนจึงมีมากกว่า part reading
Trick เพิ่มเติม
- เวลาฝึกฟัง ห้ามใช้หูฟังเด็ดขาด เพราะเวลาอยู่ในห้องสอบต้องฟังจากลำโพง ต้องฝึกให้ชินไว้
- ข้อสอบ 1 ชุด ฟังอย่างน้อย 3 รอบ โดยรอบแรก ฟัง และทำข้อสอบตาม จดบันทึกคะแนนที่ได้ เพื่อเก็บเป็นสถิติไว้ รอบสอง ฟัง และอ่านสคริปตาม เพื่อดูว่า แต่ละประโยค คำแต่ละคำเค้าออกเสียงยังไง รอบสาม ฟัง แบบไม่ดูสคริป แล้วเปิดสคริปตามทีละประโยค เพื่อดูว่า ที่เราฟังออก กับสคริปจริง มันตรงกันมั้ย
แล้วในช่วงที่ทำข้อสอบ เมื่อได้ข้อสอบมาปุ๊ป พยายามอ่านตัวเลือกก่อนเลย ตัวชอยส์จะบอกว่า เรื่องที่จะพูดเกี่ยวกับอะไร ในชอยส์หนึ่งข้อ จะมีความแตกต่างของเรื่องที่จะพูดอยู่พอสมควร เรียกง่ายๆ ว่าชอยส์นั้นเป็นคำตอบของคำถามคนละเรื่อง เมื่อได้ฟังตอนเทปเปิดแล้ว พยายามหาคีย์เวริ์ดของการฟังข้อนั้นว่าพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรและเลือกชอยส์ข้อนั้น จริงๆ แล้วบางครั้งไม่จำเป็นต้องฟังออกทั้งหมด ทุกประโยคหรือทุกคำ เมื่อเลือกแล้ว รีบผ่านไปอ่านชอยส์ของข้อต่อไปทันที โดยใช้วิธีเดียวกับข้างบน อย่ามัวลังเล เพราะจะพลาดการฟังข้อต่อไปได้ง่ายๆ จะทำให้เสียคะแนนในกลุ่มนั้นทั้งหมด กว่าจะตั้งตัวได้ และจะยิ่งทำให้ลนลาน ประหม่าไปหมด
เทคนิคของ Listening สำหรับ TOEIC
เทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคที่มักจะใช้ได้ผล ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อในการ เรียน TOEIC ของสถาบันของเรา ซึ่งแม้ว่าผู้ เรียน TOEIC ไม่มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษเท่าใดนัก แต่ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่มีไปต่อยอดการเรียนรู้ให้กระจ่างมากขึ้นได้ตามลำดับ
part 1 รูปภาพ
เราใช้วิธี ตัดข้อผิด คิด เมื่อเค้าอ่านแต่ละ choice แล้ว มันตรงกับรูปภาพมั้ย ถ้าไม่ตรงตัดทิ้งทันที ถ้าตรงแล้วก็เลือกเลย ถ้าไม่แน่ใจก็ลองฟังข้ออื่นก่อน แล้วรอดูว่า ข้อไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน หากตัดสินใจไม่ได้ ก็ทำเท่าที่ทำได้ ห้ามห่วงหน้า พะวงหลัง
part 2 Q-response
ถ้าฟังทั้งประโยคไม่ออก ก็ต้องพยายามฟัง Question-word ของโจทย์แต่ละข้อให้ได้ แล้วก็เขียน Question-word ของแต่ละ ข้อลงในกระดาษคำถามเลยกันลืม คือ อย่างน้อยก็ต้องฟัง question word ออกเนี่ย ถ้าเราฟังบริบทอื่นในประโยคไม่ออกเลย อย่างน้อยเราก็ยังพอจะหาคำตอบจาก choice ได้ อย่างเช่น ถ้าถาม ว่า who ก็หาชื่อคน ก็ตอบได้เลย ถ้าถาม where ก็หาชื่อสถานที่ แล้วก็ตอบเลย when ก็เวลา how ก็ดู choice ที่ดูเมื่อเค้าจะอธิบายหน่อยๆ How much How many ก็ดู choice ที่ดูเค้าตอบเป็นจำนวน ไรแบบนี้ ที่ยาก คือ พวก question-tag กับ คำถามที่ขึ้นต้นด้วย V ช่วย อย่างนี้ต้องฟังบริบทด้วยถึงจะตอบได้ ก็ต้องพยายามฟังให้ออก ถ้าไม่ได้ ก็ตัดทิ้งเลยเช่นกัน ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เช่นเดิม
Part 3-4
ต้องอ่านคำถามทั้ง 3 ข้อ ก่อนที่ โจทย์จะอ่านข้อความให้ได้ทุกครั้ง คือถ้าโจทย์อ่าน คำถามข้อที่ 2 เมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า เราต้องไปอ่านคำถามสำหรับเรื่องถัดไปแล้ว ถ้า เรื่องไหนฟังออก ก็น่าจะตอบได้ ทั้ง 3 ข้อ แต่ถ้าฟังไม่ออก ข้อที่เป็นคำถามวิเคราะห์ (พวกที่ถามว่า คนพดทำอาชีพอะไร หรือคุยกันเรื่องอะไร หรือให้ตีความไรแบบนี้) ทำเท่าที่ทำได้ แล้วพยายามทำข้อที่เค้าถามชี้เฉพาะ วัน เวลา สถานที่ แทน แบบถ้าได้ยินคำนั้น ก็เลือกไปเลย อย่างน้อยก็ยังพอมีโอกาสถูก
บทความ TOEIC ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
- TOEIC คืออะไร : TOEIC ย่อมาจากคำว่า Test of English for International Communication เป็นชื่อของการสอบทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยการสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ทักษะในด้านการฟัง และทักษะในด้านการอ่านภาษาอังกฤษ การสอบจะเป็นการสอบแบบปรนัย หรือเลือกคำตอบ จะมีข้อสอบที่เป็นทักษะด้านการฟัง 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน และ ข้อสอบทักษะด้านการอ่านอีก 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน รวมทั้งหมด 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน ใช้เวลาในการสอบประมาณ 2 ชั่วโมง… นี่เป็นลักษณะของการสอบ TOEIC ที่เป็นมาตรฐาน ดังนั้นการเรียนเพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในทักษะทางด้านการฟัง และการอ่านเป็นหลัก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเข้ารับการสอบ อ่านต่อ …
- เตรียมตัวสอบ TOEIC อย่างไรดี : การเรียนไม่ควรยึดติดรูปแบบของการเล่าเรียน แต่ควรสร้างเสริมทักษะความชำนาญในการใช้ภาษา เพื่อสร้างการเรียนที่เหมาะสมให้กับตนเอง สร้างเงื่อนไขที่พาตนเองไปสู่ความสำเร็จให้จงได้ สำหรับการสร้างแรงจูงใจเรียนให้ SMART ที่คุณทำได้ด้วยตัวเอง เนื่องจาก ผลสอบคะแนน TOEIC ระดับ 700 ขึ้นไปกลายเป็นสิ่งที่หลายสถานประกอบการต่างๆ ให้ความสำคัญเพื่อจะยกระดับสถานประกอบการให้เข้าสู่แวดวง AEC ที่มาถึงแล้วนั้น ผู้สื่อสารภาษาอังกฤษได้มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับองค์กรเหล่านั้แต่การจะทราบถึงความสามารถ ของผู้ที่สมัครเข้ารับทำงานนั้น ทางสถานประกอบการต้องคัดเลือกจากคะแนนบททดสอบ ที่ผู้สมัครงานได้ยื่นเข้ามาให้พิจารณา อ่านต่อ …
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับ TOEIC : หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าในการสมัครชิงทุนการศึกษาหลายๆ ทุนนั้น บางทุนอนุโลมให้ยื่นคะแนน TOEIC แทนคะแนน TOEFL หรือ IELTS ได้อีกด้วย!! ถ้ามันง่ายขนาดนั้นมีหรือจะไม่เลือกสอบ เพราะนอกจากจะง่ายกว่าการสอบ TOEFL และ IELTS เยอะแล้ว หลายคนตัดสินใจสอบเพื่อเป็นการทดลองว่าตัวเองนั้นมีความพร้อมในการสอบขั้นอื่น ๆ ต่อไปได้มากแค่ไหน?? มาดูกันว่าการสอบ TOEIC มีประโยชน์อย่างไร และเคล็ดลับในการทำข้อสอบมีอะไรบ้าง อ่านต่อ …
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เรียน TOEIC ที่ไหนดี ได้ที่ Acknowledge คอร์สสอนสด มีทั้งแบบเรียนเร่งรัด และ เรียน TOEIC ตัวต่อตัว ออนไลน์ ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ อีกทั้งราคาถูกแต่คุณภาพคับแก้ว การเดินทางยังสะดวกสบาย ติดกับ BTS ช่องนนทรี ถัดจากสถานีสยามเพียง 2 สถานี