การขอทุน DAAD หรือ ทุน DeutscherAkademischer Austausch Dienst เป็นทุนการเรียนของประเทศเยอรมันหรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า GermanAcademic Exchange Service นับได้ว่าเป็นทุนที่ใครหลายๆคนอยากจะได้เพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอก ที่ประเทศเยอรมัน โดยเป็นทุนที่ทางมหาวิทยาลัยได้พิจารณาให้ทุน DAAD กับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งหากใครได้รับทุนนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะจะได้ไปเป็นนักเรียนทุนเรียนที่เยอรมัน 2 ปีกว่า สำหรับใครที่ใช้ภาษาอังกฤษหรือเยอรมันยังไม่แข็งแรงมาก แต่มีความฝันที่อยากจะไปเรียนหรืออยากได้ทุนและอยากเรียนต่างประเทศ จะต้องเรียนรู้เรื่องการขอทุนและการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมัน
ทุน Development-RelatedPostgraduate Courses (Postgraduate Courses for Professionals withRelevance to Developing Countries) เป็นทุนหลักสูตรปริญญาโท สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งผู้ที่สมัครส่วนใหญ่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องหรือต้องทำงานในสายงานที่มาจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน ซึ่งจะมีหลักสูตรทั้งภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษ
ระยะในการให้ทุน
สำหรับปริญญาโท มีระยะเวลาประมาณ 12-24 เดือน ประมาณสองปี และ 36 เดือนสำหรับปริญญาเอก Agricultural Management,Industrial, Mathematics and ZEF Doctoral Studies Program โดยทุนที่จะได้คือ เป็นทุนที่จะให้ต่อ เดือน 750 ยูโร รวมถึงค่าประกันสุขภาพด้วย ได้ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ,ค่าวิจัย ,ค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวที่ตามไปอยู่ด้วย และ ค่า สัมมนา อบรม ฯลฯ ซึ่งจะเป็น กรณีๆไป ส่วนมากทุนนี้ส่วนใหญ่จะพิจารณาให้กับผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี ที่สำคัญจะต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปีในสายงานที่สมัคร ส่วนปริญญาเอก จะได้มากกว่านี้
คุณสมบัติของผู้สมัครขอทุน
ผู้สมัครจะต้องอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา( รวมประเทศไทยด้วย ) สำเร็จปริญญาตรี บางมหาวิทยาลัยจะกำหนดอายุด้วยว่าไม่เกินเท่าไร ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ไม่เกิน 36 ปี การขอทุนบางสาขาที่สมัครอาจจะกำหนดความสามารถทางด้านวิชาการและจะต้องผ่านงานมาด้วยอย่างน้อย 2 ปีในสาขาที่เรียน ส่วนบางมหาวิทยาลัยอาจจะพิจารณาผู้ที่สมัครที่มาจากภาครัฐก่อน แต่บางแห่งอาจจะพิจารณาผู้ที่มาจากภาคเอกชนก่อน ส่วนใหญ่จะดูคุณสมบัติหลัก ๆ ว่าเกี่ยวข้องกับสายที่เรียนหรือไม่ ?? และงานที่เคยทำมาเกี่ยวข้องโดยตรงกับปริญญาโทที่สมัครเรียน หรือมีแนวโน้มว่าจะจบแน่นอนหรือไม่?? แต่ถ้าสมัครผ่าน DAAD เมืองไทย อาจจะมีการพิจารณาผู้สมัครที่มาจากภาครัฐรัฐวิสาหกิจสถาบันการศึกษา หรือจากบริษัทเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นโปรเจคเกี่ยวกับภาครัฐก่อนเพราะเป็นความมั่นใจว่าหากกลับมาประเทศไทยแล้ง จะได้นำความรู้มาพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน
สำหรับผู้สมัครที่เรียนและได้เข้าไปเรียนแล้ว หากเกินเวลาที่กำหนด 12-24 เดือน สามารถทำการยืดเวลาได้อีกอย่างมากสุดก็ประมาณครึ่งปี ซึ่งทาง DAAD จะจ่ายให้ในเวลาที่เกินประมาณ 25 % เป็นการขอยืดเวลาโดยอาจให้เหตุผลว่า งานวิจัยที่ทำยังไม่เสร็จ แต่ก็ต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาเซ็นต์เอกสารรับรองและเขียนเหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่เสร็จ และทำไมถึงควรให้ยืดเวลาได้ด้วย หากใครที่เป็นพวกที่อยู่ในกลุ่มขี้เกียจทำงานวิจัย ไม่ค่อยไปเรียน จะทำให้ไม่จบในเวลาที่กำหนด แน่นอน่าคงไม่มีอาจารย์ท่านไหนเขาเซ็นให้เพราะจะเสียเครดิต ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องจ่ายตังค์เอง ส่วนผู้สมัครที่เคยอาศัยอยู่ในเยอรมันมากนานกว่า1 ปี ในขณะที่สมัคร จะไม่ได้รับการพิจารณาในกากรขอทุน
ความสามารถด้านภาษา
หากเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษผู้สมัครจะต้องผ่าน IELTS หรือ TOEFL (IELTS (Band6)certificate or TOEFL (minimum score: 550 paper based, 213 computerbased, 80internet based) for postgraduate แต่หากเป็นหลักสูตรภาษา เยอรมัน ต้องผ่าน DSH หรือ TestDaf หรือผ่านการเรียนภาษาเยอรมันระดับ A2 หรือ B1 ส่วนใครที่ยังไม่ผ่านในระดับต่างๆ ทาง DAAD จะมีทุนให้ไปเรียนเต็มเวลาในสถาบันสอนภาษาของมหาวิทยาลัยหรือเกอเธ่ อยู่ที่เยอรมัน เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นจะต้องสอบ DSHให้ผ่านก่อนที่จะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย หรือ ภายใน 1 ปีหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว หากคุณไม่ได้ภาษาอะไรเลย อาจจะยากสำหรับการผ่านการพิจารณารอบแรก ซึ่งหากใครอยากเรียนที่เยอรมันจริง ๆ ก็ไปลงเรียนเยอรมันหรือสอบภาษาอังกฤษให้ได้คะแนนดี ๆ จะมีภาษีกว่าคนอื่น ๆและมีแนวโน้มว่าจะจบได้แน่นนอน
บางมหาวิทยาลัย ทาง DAAD อาจจะไม่ได้มีทุนสนับสนุนให้ เพื่อความแน่ใจลองเข้าไปดูคอร์สและมหาวิทยาลัย ที่ทาง DAAD ให้ทุน แต่หากสนใจมหาวิทยาลัยไหนไม่มีทุนนี้ ก็อย่าเพิ่งท้อลองเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนั้นก่อน เพราะอาจจะมีทุนอื่นๆสนับสนุนอีกก็ได้ เราสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ DAAD โดยตรงที่ www.daad.de