ส่วนใหญ่นักเรียนไทยหลายคนไปเรียนที่เยอรมันมักหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ในกรณีที่ไม่ได้ทุนเรียนต่อ หรือแม้แต่คนได้ทุนเรียนก็ยังรับจ๊อบหางานพิเศษทำแบบถูกกฎหมาย เรียกว่าไปเรียนทั้งทีไม่ให้เสียเปล่า ยิ่งพูดภาษา อังกฤษ หรือเยอรมันได้ด้วยแล้วยิ่งจะทำให้หา งานพิเศษได้ง่าย บางคนทำงานแล้วมาเรียนต่อที่เยอรมัน แต่ไม่แน่ใจว่าเงินที่เก็บออมมาจะเพียงพอต่อการเรียนหรือไม่นั้น การหารายได้พิเศษหลังเลิกเรียน หรือในวันหยุด จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการหารายได้เพิ่มเพื่อให้มีเหลือสำหรับการใช้ชีวิตในต่างแดน เพราะไหนจะต้องจ่ายค่าเทอม ค่ากิน ค่าหอพักอีก เพราะแม้ว่ามหาวิทยาลัยในเยอรมันจะมีค่าเทอมที่ถูกมากเมื่อลองเทียบกับประเทศอื่น แต่ค่ากินอยู่ หรือที่เรียกว่าค่าครองชีพนั่นล่ะ ไม่ได้ถูกเท่าไหร่เลยนะ!! ซึ่งแม้จะมุ่งมั่นหางานพิเศษในเยอรมัน แต่ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ เพราะการทำงานเสริมที่นี่ค่อนข้างยากกกว่าประเทศอื่นๆมากมาย ขนาดจะทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร ก็ยังต้องเดินหาร้านกันแทบขาลากเพราะที่นั่นไม่ได้มีงานพิเศษให้ทำเยอะมากขนาดนั้น ยกเว้นบางเมืองที่คนไทยอยู่เยอะๆ อย่างเบอร์ลิน หรือมิวนิค
กฎเกณฑ์การทำงานโดยใช้วีซ่านักเรียน
เพราะมีนักเรียนจากต่างประเทศทั่วโลกที่ได้เดินทางไปเรียนที่เยอรมัน ทำให้ที่นั่นมีกฎระเบียบการทำงานสำหรับนักเรียนต่างชาติตามกฎหมาย
1.เวลาการทำงาน
สำหรับนักเรียนมหาวิทยาลัยสำหรับผู้ที่ได้วีซ่าเรียนอย่างน้อย 1-2 ปี ในเยอรมัน โดยวีซ่าประเภทนี้สามารถทำงานได้ทั้งปีแต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 90 วันหรือ 180 วัน (ครึ่งวัน) ต่อปี ซึ่งนักเรียนโรงเรียนภาษาที่ขอวีซ่า 3 เดือน, 6 เดือน ห้ามทำงานโดยเด็ดขาด ส่วนการทำงานเป็นผู้ช่วยในมหาวิทยาลัย ที่ประเทศเยอรมันเรียกกันว่า studentische Hilfskraft หรือHiwi เวลาที่ทำงาน Hiwi นี้จะไม่นำไปนับรวมกับ 90 วัน
2.ค่าจ้าง
อัตราค่าจ้างจะอยู่ที่ 5-10 ยูโรต่อชั่วโมง ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย และ รัฐที่อยู่ การทำงานพิเศษส่วนใหญ่จะทำในช่วงปิดเทอมหน้าหนาว หรืออาจจะเป็นช่วงหน้าร้อนด้วยหากใครที่ไม่ได้ไปเที่ยว ส่วนในเวลาเรียนจะไม่ค่อยมีใครทำงานพิเศษเพราะต้องเรียนหนัก เพื่อทำการทบทวนภาษาเยอรมัน ยิ่งใครที่เน้นเรียนหลักสูตรภาษาเยอรมัน ซึ่งหากยังไม่เก่งมากทำให้ต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ
งานที่นักศึกษาหลายคนใฝ่ฝัน
1.“wissenschaftliche Hilfskraft”
หรือ “studentische Hilfskraft” หรือเรียกย่อๆว่า “Hiwi ( ฮี่วี่) ” คือการทำงานเป็นผู้ช่วยในมหาวิทยาลัยของคณะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนักศึกษาของไทยเรา นั่นก็คือ TA หรือผู้ช่วยสอน หรือ RA ผู้ช่วยวิจัย ซึ่งนอกจากยังใกล้ชิดกับอาจารย์ที่เราเข้าไปช่วยแล้ว ยังได้ความรู้เพิ่ม อีกทั้งยังได้เงินอีกด้วย ซึ่งงานนี้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เกือบทุกคนที่มีความต้องการอยากจะได้งานพวกนี้มาก เพราะบางงานเป็นงานที่ทำกับคณะตัวเอง ซึ่งจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทำ ถือเป็นการสร้างความสนิทสนมกับโปรเฟสเซอร์ โดยอาจารย์หรือนักวิจัยของที่คณะ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การทำ Thesis หรือ Research ต่อไป ถ้าอยากได้งาน Hiwi นี้ จะต้องเรียนเก่งสุดๆ ต้องเก่งทุกอย่าง เก่งไปหมด บางคนเก่งเขียนโปรแกรมมาก พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าจะสั่งอะไรให้ทำอะไร หรือมีโจทย์ไรมา ก็สามารถทำได้หมด เก่งๆจริง เรียกว่าต้องภาษาดีมาก พูดเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส และมีมนุษย์สัมพันธ์ดี การงานพอใช้ได้ ใช้อะไรทำได้หมด รวมทั้งการใช้เส้นประมาณว่า ให้ความสนิทสนมกับโปรเฟสเซอร์ หรือผู้ที่เรียนปริญญาเอก หากสนิทกันอาจมีการชวนกันมาช่วยทำงานได้
2.แม่บ้าน
หากใครที่พาครอบครัวมาด้วย ส่วนใหญ่ผู้ชายที่มาเรียนที่เยอรมันมักจะพาภรรยามาด้วย เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนเยอรมันอาจจะจ้างภรรยาของคุณผู้ชายที่เรียนไปทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็จ่ายเงินเป็นรายเดือนกมีไม่น้อย
3.เด็กเสริร์ฟ
บางคนใช้เวลาว่างในการทำงานตามร้านอาหารอินเดีย อาหารไทย หรือร้านเคบัพ ทำความสะอาดร้าน เป็นเด็กเสริฟบ้าง กุ๊กบ้าง ทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่น เสิร์ฟซูชิ ทำซูชิ ฯลฯซึ่งจะต้องมองหาร้านที่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก
4.นวดแผนไทย
เรียกว่าเป็นอาชีพเสริมที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แถมอาจส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่ที่เมืองไทยได้อีก นอกจากนี้ยังมีงานอื่นๆ อย่างการดูแลสัตว์เลี้ยงช่วงวันหยุด พิมพ์รายงาน หรือทำอาหารในโอกาสพิเศษ รวมทั้งการขายของ ตลาดนัด ซึ่งงานที่จ้างตรงโดยไม่ผ่านระบบทางราชการถือว่าเป็นงานที่ไม่ถูกกฎหมาย ภาษาเยอรมันเรียกว่า Schwarzarbeit บางคนไปทำแล้วทางผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสด ซึ่งจะจ่ายเมื่อทำงานเสร็จ หรือจ่ายเป็นรายเดือน แต่ก็จะขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือความสนิทกัน ซึ่งความจริงแล้วงานแบบนี้หากนักเรียนโดนจับได้ รับรองว่าโดนปรับ และผู้ว่าจ้างก็จะโดนปรับด้วยซึ่งเป็นเงินค่อนข้างสูงมากและเสี่ยงต่อการไม่ได้ต่อวีซ่าด้วย
คนที่ได้ทุนเรียนมักจะเลือกทำงานที่ถูกกฎหมายมากกว่า เพราะค่าใช้จ่ายที่ได้ก็เพียงพอต่อการเรียน การกินอยู่อย่างพอเพียง หากประหยัดก็มีเหลือไปเที่ยวหาประสบการณ์ชีวิตได้ ซึ่งเป็นการไม่สร้างปัญหาให้กับโปรเฟสเซอร์ที่ดูแลนักศึก ษาต่างชาติด้วยเพราะหากโดนจับได้แล้วมีปัญหา อาจจะทำให้โดนเรื่องตัดทุน หรือ ส่งกลับ ทำให้หลายคนไม่อยากเสี่ยงกับปัญหาตรงนี้