เรียน IELTS ที่ไหนดี
เรียน IELTS คอร์ส 70 ชั่วโมง มีการปูพื้นฐานระหว่างการเรียน ที่สำคัญคืออาจารย์คนไทยทั้งหมด 4 ท่าน กับประสบการณ์สอน IELTS มากกว่า 10 ปี (ว่างๆก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเรียนกับคนไทย แล้วจะรู้ว่าหนูจะเรียนรู้เรื่องตลอดๆ งานนี้เฟิร์ม) สอนไปกันอย่างช้าๆ ค่อยๆสร้างความมั่นใจ อีกทั้งพร้อมลากกันไปทำโจทย์ แต่ระวังการบ้านให้ดี เพราะงานนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ (แบบว่าการบ้านเพียบ) แต่ที่ผ่านมาผลการตอบรับของเราสอบผ่านกันเพียบจริง อะไรจริง (แต่ก็ทำการบ้านเหนื่อยจริง)
โดยนอกจากคอร์ส เรียน IELTS ราคาไม่แพงแล้ว ยังมีการเรียนตัวต่อตัวแบบเน้นๆกับครูที่สอนคอร์สได้โดยตรง พบกับคำตอบสุดท้ายกับการ เรียน IELTS ที่ไหนดี สอนสด ราคาค่าเรียนสมเหตุสมผล เดินทางสะดวกสถาบันของเราใกล้กับสีลม ติดกับสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ได้ที่ Acknowledge สถาบันแนะนำที่คน pantip บอกต่อ
Speaking IELTS – เน้นความคิดที่จำเป็นต้องสรุปรวบยอด มีการจัดหมวดหมู่ข้อสอบที่เป็นฟอร์มที่ออกบ่อยๆ รวมถึงการ discussion ที่จะต้องนำความคิดของคนอื่นๆมาช่วยกันระดมสมอง เน้นการแก้ไขจุดอ่อนในส่วนที่ผู้เรียนไม่ถนัด ผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนให้สามารถคิดหาประเด็นต่างๆ ที่จะพูดในระยะเวลาอันจำกัด และเรียนถึงวิธีการเรียบเรียงและการจัดระบบความคิด ให้มีความสอดคล้อง และแสดงความคิดเห็นได้ออกมาชัดเจน อย่างไรก็ตามสถาบันของเราได้มีการสอนหลักไวยากรณ์ที่จำเป็น สำหรับการ Speaking อีกด้วย
Reading และ Listening – ผู้เรียนจะถูกฝึกฝนอย่างเข้มข้นให้สามารถสร้างภาพ และความรู้สึกร่วมกับเนื้อหาของแต่ละบทความ ที่กำลังอ่านอยู่ โดยผู้เรียนจะได้รับชุดคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกัน และเทคนิคในการเดาคำศัพท์ที่ไม่รู้จากบริบท โดยในส่วนของการฟังจะให้มีการฟังจากเทปเสมือนจริง และการสนทนาที่หลากหลายรูปแบบ รู้ถึงวิธีในการจับประเด็นสำคัญ การนึกภาพถึงเหตุการณ์ในขณะนั้นๆ การจับความรู้สึกของผู้พูด รวมถึง Techniques การจับใจความ ที่สถาบันของเราจะเน้นตรงจุดนี้เป็นอย่างมาก เพราะบางท่านอาจจะไม่ได้แม่นคำศัพท์เท่าที่ควร
IELTS Writing – เน้นการทำแบบฝึกหัดที่ตรงแนวข้อสอบ โดยเราสอนให้เรียนรู้เทคนิคการ Writing อย่างทรงประสิทธิภาพ เขียนบทความออกมาแล้ว ถูกหลักไวยากรณ์ สื่อความหมาย สอดคล้อง ชัดเจน มีการใช้ศัพท์และสำนวนที่ถูกต้อง มีการใช้คำเชื่อมที่ทำให้ประโยคไพเราะและน่าคล้อยตาม โดยจะเน้นที่การจัดระบบความคิด การหาเหตุผลมารองรับสิ่งที่บรรยายออกมา โดยครูป๊อบจะมีเทคนิควิธี writing IELTS ได้อย่างมีโครงสร้างที่ชัดเจน และสามารถนำโครงสร้างดังกล่าวไปสวมได้ทันที อีกทั้งยังชุดคำศัพท์ที่หลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่จะเรียกคะแนนได้ออกมาอย่างชัดเจน
เรียน IELTS คอร์สสอนสด
สถาบันสอนทั้งคอร์สเรียนรวม และ สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการลงคอร์สรวมสามารถเลือกเรียนแบบตัวต่อตัว ที่สถาบัน มีข้อดีอยู่ตรงที่จัดเวลาเรียนได้ด้วยตัวเอง
คอร์ส IELTS ของสถาบัน
มีสองแบบโดยจะเรียนสัปดาห์ละวันคือเรียนทั้งวันของวันเสาร์ และเรียนสัปดาห์ละสามวัน คือเรียนทุกๆวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ อาจารย์คนไทย 4 ท่าน คลาสเล็ก เอาใจใส่ สอบถามได้ทั้งภายใน และภายนอกห้องเรียน โดยคอร์สเรียนของทางสถาบันจะเป็นคอร์สสอนสด โดยจะแบ่งออกเป็นเรียนสัปดาห์ละหนึ่งวันใช้เวลาเรียนประมาณสองเดือนกว่า และการเรียนแบบเร่งด่วนจะใช้เวลาเรียน 1 เดือน โดยประมาณ ทั้งสองแบบสอนเนื้อหาเหมือนกัน สำหรับหากคอร์สไหน มีคะแนนค่อนข้างไปทางอ่อน เราจะมีการปรับพื้นฐานให้ 6 ชั่วโมง ฟรี (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครูผู้สอน)
สอนสด และ ออนไลน์ รวมเอกสารทุกอย่างแล้ว ราคาเพียง 15,500 บาท เป็นคอร์สระยะยาว เรียนทั้งสิ้น 4 ทักษะ ทั้งการพูด การอ่าน การฟัง และการเขียน ราคาถูกแต่คุณภาพคับแก้ว โดยจะเรียน 70 ชั่วโมง
วันเริ่มเรียน
|
วัน | ประเภท |
17 มีนาคม 2568 | จันทร์ พุธ ศุกร์ | สอนสด/ออนไลน์ |
15 มีนาคม 2568 | เสาร์ อาทิตย์ | สอนสด/ออนไลน์ |
15 มีนาคม 2568 | เสาร์ | สอนสด/ออนไลน์ |
16 มีนาคม 2568 | อาทิตย์ | สอนสด/ออนไลน์ |
หมายเหตุ
- เป็นการ ติวสอบ IELTS สอนสด กลุ่มเล็กไม่เกิน 9-10 คน เปิดโอกาสในการซักถามทั้งในและนอกห้องเรียน แต่หากนักเรียนไม่ได้มาเรียน ทางสถาบันจะไม่ได้โทรแจ้งกับทางผู้ปกครอง แต่ถ้าผู้ปกครองต้องการทราบเกี่ยวกับการเรียนของน้องก็สามารถโทรมาติดต่อ สอบถามได้ตลอด
- คอร์สเรียน IELTS วันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ จะเป็นคอร์ส IELTS เร่งรัด ด่วนสรุป โดยจะเป็นการเรียนสัปดาห์ละ 3 วัน มีหลักสูตรการเรียนการสอนคล้ายกับเรียนสัปดาห์ละ 1 วัน เพียงแต่คอร์สเร่งรัดจะจบเร็วกว่า โดยจะใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนครับ ซึ่งจะมีเนื้อหาแบบเดียวกันกับคอร์ส IELTS วันเสาร์
- ค่าเอกสารฟรีตลอดการเรียน ราคาของสถาบันไม่มีหมกเม็ด ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่มีค่าลงทะเบียน ราคาถูกกว่าที่สถาบันอื่นแต่คุณภาพของอาจารย์นั้นคับแก้ว ด้วยประสบการณ์สอนเฉพาะทางมากกว่าสิบปี
- สอบไม่ผ่าน 6.5 เรียนคอร์สต่อไปได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม (รบกวนเขียนรีวิวให้ทางสถาบันก่อนมาซ้ำคอร์ส) ทั้งนี้ เราจะมีการเช็คชื่อ ตรวจการบ้าน ดูความตั้งใจประเมินผ่านจากอาจารย์ด้วยนะครับ
- นอนและพักผ่อนกันมาเยอะๆหน่อยครับ และเนื่องจากว่าต้องเรียนวันละ 7 ชั่วโมง ดังนั้นตอนพักเที่ยงน้องๆผู้หญิงอาจจะต้องรีบทานข้าวกันนิดนึง
- ในกรณีเปิดคอร์ส IELTS เรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินในทุกกรณี
- ในกรณีดรอปคอร์ส (พักการเรียน) นักเรียนจะต้องชำระค่าดรอปคอร์ส 1,500 บาท
- สำหรับการเรียน IELTS ตัวต่อตัว ถ้าขาดการติดต่อเกินสามเดือนถือว่าสละสิทธิ์
- คอร์สเรียน IELTS เริ่มจากการปูพื้นฐานเบื้องต้น และต่อยอดความสำเร็จขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นผู้เรียนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ หรือหากว่าพื้นฐานไม่แน่น ทางสถาบันอาจจะแนะนำให้เริ่มเรียน จากการเรียนตัวต่อตัวก่อน โดยจะมาเรียนที่สถาบัน หรือเรียนออนไลน์ตามที่ผู้เรียนสะดวกก็สามารถทำได้
- บรรยากาศการเรียนแบบคอร์สจะเป็นคอร์สเล็กเพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง และเปิดโอกาสซักถามข้อสงสัยได้ตลอดทั้งในและนอกห้องเรียน
IELTS TIPS
การเตรียมตัวสอบ IELTS
สถาบันจะเน้นการสอนที่เฉพาะเจาะจงลงไปที่จุดอ่อนของนักเรียนแต่ละคน เนื่องจากประสบการณ์กว่า 10 ปี ของทีมอาจารย์ เห็นว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการเตรียมตัวสอบนั้น จำเป็นที่จะต้องกล้าคิด กล้าแสดงออก และมีความคิดที่กล้าตัดสินใจ สุขุม รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Speaking และ Writing ซึ่งตรงจุดนี้เป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่จะดึงความสามารถของนักเรียน และทำการพัฒนาศักยภาพให้ถึงที่สุด สิ่งสำคัญของการทำข้อสอบ IELTS คือการบริหารเวลา และการฝึกฝนทำแบบฝึกหัด โดยจะต้องทำการบ้านแบบจับเวลาทำการบันทึกเวลาที่ใช้ไปแต่ละส่วน อย่าหนีในสิ่งที่ตนไม่ถนัด อีกทั้งจะต้องเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ และสามารถทำข้อสอบได้ทันเวลาทำให้ จะได้คะแนนที่สูงตามมา สิ่งสำคัญของผู้ที่เรียนต้องเข้าใจคือภาษาอังกฤษ ไม่สามารถเรียนให้เก่ง ได้ชั่วข้ามคืน นั่นหมายถึง ผู้เรียนควรกลับไปทบทวนบทเรียน และ หมั่นท่องคำศัพท์ที่ที่ออกบ่อยๆ แต่ก็ไม่ต้องกังวล เกี่ยวกับเรื่องคำศัพท์มากนัก เพราะ คำศัพท์ของ IELTS ไม่ได้ยากมากมายอะไร ฝึกที่จะคิดหัวข้อ ขึ้นพูด และ ฝึกที่จะพูดหน้ากระจก อย่ากลัวหรืออายที่จะพูด
การเตรียมตัวสอบ Listening
มีทั้งสิ้น 4 parts (ให้เวลา 30 นาที) และเวลาอีก 10 นาที ตอบลงในกระดาษคำตอบ
- Section 1: A conversation in an everyday social context between two people
- Section 2: A monologue in an everyday social context
- Section 3: a conversation in an education or training context
- Section 4: A lecture or talk on a topic of general academic interest
เทคนิคการเตรียมตัวสอบ IELTS – Listening
- ฝึกอ่านโจทย์และขีดเส้นใต้ คำสำคัญ (key words) ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม การทำข้อสอบ ในส่วนของการฟังให้ได้ประสบผลสำเร็จ จำเป็นต้องกลับไปฝึกฝนเพิ่มเติมเองที่บ้าน ลำพังแต่การฟังในห้องเรียนไม่เพียงพอ
- พยายามฟังคำที่มีเหมือนกับในโจทย์ที่ให้มา ( synonym/ similar words)
- อาจเจอหลาย accent (ต้องฝึกฟังมาหลายๆ สำเนียง) ซึ่งทางสถาบันของเรา จะให้ผู้เรียนในคอร์ส IELTS ฝึกฟังสำเนียงหลากหลาย
- ฝึกการทำสอบ IELTS โดยจะต้องฝึกฟัง อ่าน และจดโน้ต ไปพร้อมๆกัน
- ในเรื่องการเติมคำ ระวัง grammar เช่น unit (หน่วย) เซน กิโล เติม s, es / หน่วยเงิน รวมทั้ง verb forms, spelling, plural จุดนี้ไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะเราจะเน้นย้ำกันเป็นประจำอยู่แล้ว
- หากเจอการกรอกแผนที่ให้พยายามฟังจุดเริ่มต้น turn left, turn right, corner, next, near, opposite, etc
- ข้อสอบ IELTS ไม่เหมือนกับข้อสอบ SAT นั่นคือ ตอบผิดไม่ติดลบ ถ้าไม่รู้ควรเดา อย่าเว้นว่าง
โดยปกติก่อนทำข้อสอบ IELTS จะได้ยินตัวอย่างในการตอบ (ข้อเดียวเท่านั้น) ให้ผู้สอบลดการเกร็ง ก่อนที่จะได้ยินและต้องตอบจริง ผู้สอบต้องอ่านคำสั่งให้ละเอียดว่า เขียนคำตอบได้ไม่เกินกี่คำ ในทุกๆตอน เช่นตอบได้ไม่เกิน 3 คำ (NO MORE THAN THREE WORDS) เพราะจะไม่ได้คะแนนเลย ถ้าเขียนผิดคำสั่ง ผู้สอบจะมีโอกาสได้อ่านคำถามล่วงหน้าก่อนตอบในชุดถัดไปประมาณ 1 นาที ตามที่เทปสั่ง ในระหว่างนั้นควรอ่านคำถาม และคิดภาพกว้างๆในใจ เช่น ถ้าถาม How many members of the club now? ให้คิดว่า ตอนนี้มีสมาชิกกี่คน อย่าไปยึดติดกับคำว่า “now” เพราะอาจจะไม่ได้ยินคำนี้ในบทสนทนาต้องคิดว่า ตอนนี้ มีสิทธิใช้คำว่า present, at a moment, หรือ recently ก็ได้ถ้าหากฟังไม่ทัน และรู้ตัวว่าพลาดข้อนั้นไปแล้ว ต้องตัดใจ อย่าพยายามกลับไปตอบ ต้องตั้งสติและมุ่งหาคำตอบข้อต่อไป มิเช่นนั้น จะพลาดต่อเรื่อยๆ เพราะผู้สอบจะไม่มีโอกาสฟังซ้ำ เมื่อทำการโน้ตในสิ่งที่ได้ยินขณะฟัง ผู้สอบจะต้องทำสัญลักษณ์ที่ผู้สอบเข้าใจเพื่อย่นเวลาการโน้ต จะได้จับใจความได้มากขึ้น
การเตรียมตัวสอบ Reading
มีทั้งหมด 3 parts ให้เวลา 1 ชั่วโมง (3 เรื่อง เรื่องละ 20 นาที)
เทคนิค IELTS Reading
- อ่านคำถาม ขีดเส้นใต้ key word ของคำถามนั้นๆ รวมถึงใช้เทคนิคประกอบเช่น Prediction Skill ,Skimming Skill , Scanning และ การเดาความหมาย
- คำถามประเภทถาม lists of heading ควรอ่านประโยคแรกของย่อหน้านั้นๆ เพื่อหา main idea ของแต่ละย่อหน้าก่อน รวมถึงอย่าใช้เวลา กับข้อใดข้อหนึ่งมากเกินไป หากทำไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน และพยายามปรับสมอง อย่าให้กังวลกับข้อที่ผ่านๆมา โดยจะต้อง บริหารเวลา ควรใช้เวลา 20 นาที / 1 เรื่อง
- อ่านโจทย์แต่ละประเภทให้ชัดเจน โดยเฉพาะข้อสอบเติมคำ no more than …… words หรือ ข้อสอบประเภทให้เติม True , False, Yes, No, Not Given
- บทความมากมายที่ออกบ่อยในข้อสอบ IELTS มาจากหลายแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้:
- Economist – หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่เน้นเฉพาะข่าวการเมืองต่างประเทศและความคิดเห็นต่างๆ
- The Economist Technology quarterly
- New Scientist – นิตยสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายสัปดาห์ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและเนื้อหาที่มีความหลากหลาย
- American Scientist – นิตยสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกสองสัปดาห์
- The Geographical Journal – สิ่งตีพิมพ์ต้นฉบับงานวิจัยและทุนการศึกษาในด้านภูมิศาสตร์กายภาพและภูมิศาสตร์มนุษย์ รวมทั้งบทความออนไลน์ งานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ
- Australian geographic – วารสารข้อมูลอ้างอิงด้านความบันเทิงและข้อมูลจริงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับประเทศออสเตรเลีย
- The British museum – สิ่งตีพิมพ์ออนไลน์
- Illustrated London News – ตัวอย่างภาพข่าวของเหตุการณ์สำคัญในอังกฤษและของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
Writing IELTS
แบ่งเป็น 2 tasks ให้เวลา 1 ชั่วโมง
Task 1. การเขียนบรรยาย graph / table / diagram
- ไม่ต้องเขียนความเห็นลงไป ควรเขียนอย่างน้อย 150 คำ ควรใช้เวลา 20 นาที และ เขียนเว้นบรรทัดเพื่ออ่านง่าย
- ผู้เขียนไม่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดทั้งหมดลงไป แต่ให้พยายามเลือกบรรยาย เฉพาะข้อมูลที่สำคัญเท่านั้น จะได้คะแนนดี ถ้าเขียนเชิงเปรียบเทียบข้อมูล โดยคอร์ส IELTS ของเราจำกัดจำนวนของผู้เรียน นั่นหมายถึงในทุกๆหัวข้อของการเขียนของทุกคน อาจารย์จะตรวจอย่างละเอียด โดยไม่มีการข้าม
Task 2. การ writing ที่เป็น short essay
- เขียนอย่างน้อย 250 คำ ควรใช้เวลา 40 นาที โดยอ่านคำถามให้ดีและตอบให้ครบทุกคำถาม
- วางแผนก่อนเขียน / ร่าง outline และ พยายามใช้ linking words มาช่วยในการลำดับความให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ควรใส่ personal experience และยกตัวอย่างประกอบการเขียนลงไป ระวัง structure / วางแผน paragraph / มี introduction, body และ conclusion แน่นอนว่าในส่วนยากส่วนนี้ ผู้เรียน จะได้ทราบถึง การเขียนที่ถูกต้องตามหลักการที่แท้จริง ซึ่งหาเรียนได้ยากเพราะจะสอนกันในระดับปริญญาโท แต่สถาบันของเรากล้าเอามาสอน (ของมันแรง) เนื่องจากครูป๊อบอายของเรา มีอาจารย์ที่ปรึกษาที่จบปริญญาเอกด้านการเขียนมาโดยตรงจากประเทศอังกฤษ นั่นหมายถึงการเขียนที่ถูกต้องตามหลักการได้ถ่ายทอดมายังครูป๊อบอาย และครูป๊อบอายก็ได้นำเคล็ดลับตรงนี้มาสอนให้กับนักเรียนของเราทุกคน
- เขียนทั้ง เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แล้วสรุปว่าน้ำหนักเอนไปทางไหนมากกว่า โดย ระวังเรื่อง spelling และ พยายามใช้คำศัพท์ให้หลากหลาย ซึ่งตรงส่วนนี้สถาบันเราสอน IELTS อย่างเข้มข้น
- เทคนิคการฝึกเขียนในรูปแบบของ PEEL ซึ่งย่อมาจากคำว่า
Point – นี่คือประเด็นของคุณซึ่งไม่ควรยากมากกว่า 2 ประโยค
Explanation การอธิบาย ,
Example – มาพร้อมกับตัวอย่างที่สนับสนุนประเด็นของคุณ ไม่เกิน 2 ตัวอย่าง
Link – กลับไปยังประเด็นของคุณและสรุปบทความ
- สำนวนที่เหมาะกับการใช้ในการสอบ Writing IELTS เรียนได้จากลิงก์ต่อไปนี้
IELTS ส่วนของ Speaking
- Intro & Interview (4-5 นาที) เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับการบ้าน ครอบครัว การทำงาน การเรียน งานอดิเรก
- Individual long term (3-4 นาที) อาจารย์จะเลือก topic มา 1 เรื่องให้กระดาษเพื่อร่างประมาณ 1 นาที จากนั้นจะให้พูดแบบ non-stop (speech) เป็นเวลา 2 นาที ห้ามหยุดจนกว่าอาจารย์จะบอกให้หยุด
- Two-way discussion (4-5 นาที) discuss ใน topic ต่อเนื่องจากข้อ 4.2 เป็นคำถามประเภทถามความคิดเห็น ให้ผู้สอบใส่เหตุผลและความคิดเห็นพร้อมทั้ง ยกตัวอย่างลงไป
หลักการให้คะแนน IELTS Speaking ประกอบด้วย 4 ส่วน
- Fluency Coherence : ความคล่อง แต่อย่าพยายามพูดเร็วมากนักเพราะจะทำให้พูดไม่ชัดฟังไม่รู้เรื่อง และความเชื่อมโยงระหว่างประโยคกัับประโยค
- Lexical resource : การใช้ศัพท์ ไม่ใช้ศัพท์ที่ง่ายหรือคำซ้ำมากเกินไป
- Grammatical Range and Accuracy เช่น ถาม past ตอบ past
- Pronunciation : ต้อง stress คำให้ถูกต้อง เน้นการสื่อสารถูกอารมณ์
ถ้าพูดผิด สามารถแก้คำพูดได้ เช่น
- “I move to Paris two years ago… Sorry, I moved to Paris two years ago.”
- “My favourite building is rouge… I mean red.”
- “The taste of the fruit was extra… extra… extraordinary. Sorry, I always find that word difficult to say!”
*หมายเหตุ คำที่ถูกแก้ไขที่เป็นตัวเอียง (moved, red) จะเน้นเป็นพิเศษ หมายถึงว่าคุณต้องพูดคำเหล่านั้นให้ดังมากขึ้นและยาวมากขึ้นกว่าคำอื่นๆ
หยุดคิดได้ โดยใช้สำนวนดังต่อไปนี้
- So, what I mean to say is…
- Yes, that’s interesting. Ummm, what I think about this is…
เคล็ดลับโดยกรรมการของ IELTS
ผมมั่นใจว่าหลังหลังจากอ่านโพสต์อันก่อนของผมแล้ว คุณอดใจรอไม่ไหวที่จะอ่านโพสต์ต่อไปกันเลยทีเดียว เคล็ดลับเหล่านี้ได้รับการเปิดเผยจากกรรมการชายท่านหนึ่งของ IELTS และแน่นอนว่าเทคนิคต่างๆเหล่านี้ นักเรียนที่เรียนคอร์ส IELTS กับเรา ก็จะได้รับการย้ำคิดย้ำทำจนเทคนิคเหล่านี้ขึ้นใจ
เคล็ดลับข้อสอบ Speaking
ถ้าหากคุณตั้งเป้าไว้ที่ Band 6 คุณไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษที่ซับซ้อน เพียงแค่อย่าพูดผิดในประโยคพื้นฐานก็พอ อย่าทดลองใช้คำศัพท์ใหม่ในการสัมภาษณ์ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเลย ใช้คำและวลีที่คุณมั่นใจแค่นั้นก็พอ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้และเห็นคำศัพท์ใหม่ แต่คุณไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอย่างไรหรือใช้ในสถานการณ์ไหน อย่าเอาคำนั้นไปใช้ในการสอบ Speaking
ไม่มีใครตัดสินคุณจากความคิดของคุณ แต่จะตัดสินภาษาอังกฤษของคุณเพียงอย่างเดียว ถ้ามีหนัง (เรื่องโปรด) ที่คุณไม่สามารถอธิบายได้และมีอีกเรื่อง (คุณดูมาเมื่อเร็วๆนี้) ที่สามารถอธิบายได้ เลือกเรื่องที่สอง เพราะกรรมการไม่สนใจความจริงสักเท่าไหร่ เขาโฟกัสที่การใช้ภาษาอังกฤษของคุณเท่านั้น
คุณต้องคิดถึงว่าจะพูดอะไรและพูดอย่างไร เปิดเผยความเป็นตัวเองของคุณออกมาผ่านภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แค่เพียงเรียนรู้คำศัพท์และวลีใหม่เท่านั้น แต่ยังต้องฝึกฝนจนกระทั้งคุณมีความเชี่ยวชาญอีกด้วย ถ้าคุณทำผิดถือว่าแย่ ถ้าคุณแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นด้วยตัวเองถือว่าดี เพราะว่ากรรมการจะไม่นับข้อผิดพลาดของคุณและจะสร้างความประทับใจเมื่อตอนที่คุณแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ตั้งใจทำข้อผิดพลาดนั้น
ถ้าคุณพูดว่า “economic” แทนที่จะพูดว่า “economy” และพูดผิดอีกหลายครั้ง คุณจะได้คะแนน Band 5 ถ้าคุณพูดผิดแต่สองสามครั้ง คุณน่าจะได้คะแนน Band 6 หากกรรมการไม่เข้าใจคุณ คุณได้คะแนน Band 4 คุณควรแสดงให้เห็นว่าสามารถที่จะใช้คำศัพท์พิเศษได้เล็กน้อยหากต้องการคะแนน Band 7 อธิบายแนวความคิดได้ดีมาก ชัดเจนมาก และไม่ใช้แค่คำศัพท์ทั่วไป แต่ใช้คำศัพท์ที่สูงขึ้นไป เช่น “economic environment”, “favorable conditions” และคำอื่นอีกมากมาย
เคล็ดลับจากกรรมการของ IELTS (อีกท่าน)
ผมโชคดีที่ได้พบกับบุคคลพิเศษมากๆท่านหนึ่ง นั่นคือกรรมการของ IELTS เขาส่งอีเมลให้ผมและบอกเล่าเกี่ยวกับเคล็ดลับพิชิตข้อสอบ IELTS ข้อมูลจริงจากวงใน และที่สำคัญผมจะไม่เก็บมันไว้คนเดียวอย่างแน่นอน
เคล็ดลับข้อสอบ Writing
เป็นการดีกว่าที่คุณจะเขียนแบบปกติทั่วไป ไม่ต้องเป็นภาษาอังกฤษที่สูงมาก ไม่ต้องใช้วลีหรือโครงสร้างประโยคที่คุณไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ถ้าคุณต้องการคะแนน Band 6 ไม่จำเป็นต้องใช้โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน แต่หากคุณตั้งเป้าไว้ที่ Band 7 คุณต้องโชว์โครงสร้างประโยค ภาษา และคำศัพท์ขั้นสูง
อย่าเขียนเกิน 260-265 คำ ในข้อสอบ Writing Task 2 ทำไมหรา ไม่ใช่เพราะว่าคุณจะได้คะแนนน้อยลงหรอกนะ แต่เพราะด้วยเหตุผลสองข้อนี้:
1) เสียเวลา
2) คำยิ่งเยอะ ข้อผิดพลาดก็เยอะตาม
หากคุณได้รับคำสั่งให้เขียนครอบคลุมทุกจุดสำคัญในบทความ/จดหมาย ทำตามนั้นเพราะกรรมการนับคะแนนจากคำสั่งนั้นจริงๆ อย่าใช้คำเชื่อมประโยคเยอะจนเกินไป (เช่นคำว่า However, Furthermore, Moreover และอื่นๆอีกมากมาย) กรรมการคอยจับผิดคุณอยู่ ในการติวสอบ IELTS ของสถาบันเรา เราจะย้ำเรื่องนี้มาก เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ และค่อนข้างที่จะไม่ค่อยมีใครมาเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้
- แนวทางการให้คะแนน Writing IELTS
Speaking – เคล็ดลับในส่วนของการ interview
1. เตรียมตัวกับคำถามทั่วไป
- รู้จักคำถามที่พบบ่อย: เช่น “Do you work or study?”, “Tell me about your hometown.”, “What do you do in your free time?” เตรียมตัวโดยการฝึกตอบล่วงหน้า โดยเตรียมคำตอบสั้นๆ แต่มีรายละเอียดสำหรับคำถามเหล่านี้
2. ตอบให้สั้นแต่มีรายละเอียด
- อย่าตอบสั้นเกินไป: เช่น “Yes, I do.” หรือ “No, I don’t.” โดยเพิ่มรายละเอียดเล็กน้อย: เช่น “Yes, I do. I work as a teacher, and I really enjoy helping my students learn new things.”
3. ใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคที่หลากหลาย
- หลีกเลี่ยงการพูดซ้ำคำเดิม: ใช้คำพ้องความหมาย (Synonyms) เพื่อแสดงความคล่องแคล่ว จำเป็นต้องใช้ประโยคที่ซับซ้อน ผสมประโยคแบบง่ายและซับซ้อน เช่น “Although I enjoy traveling, I find it quite expensive.”
4. แสดงความมั่นใจและเป็นธรรมชาติ
- สบตาผู้สอบ: แสดงความมั่นใจและเป็นมิตร และอย่ากังวลเรื่องสำเนียง: สำเนียงไม่ต้องเป๊ะ แต่ต้องชัดเจนและเข้าใจได้อย่าหยุดพูดนานเกินไป: หากนึกคำไม่ออก ให้ใช้คำเชื่อมเช่น “Well”, “Let me think”, หรือ “That’s an interesting question” เพื่อให้ตัวเองมีเวลา
5. ฝึกตอบคำถามเบสิคแบบอื่นๆ
- คำถามเกี่ยวกับบ้าน: “Tell me about your hometown.” หรือ “What do you like about your hometown?”
- คำถามเกี่ยวกับงานหรือการศึกษา: “Do you work or study?” หรือ “What do you like about your job/studies?”
- คำถามเกี่ยวกับงานอดิเรก: “What do you do in your free time?” หรือ “Why do you enjoy this activity?”
6. ใช้ Linking Words เพื่อเชื่อมโยงความคิด
- เพิ่มความต่อเนื่อง: ใช้คำเช่น “Firstly”, “Moreover”, “On the other hand”, “In conclusion” โดยแสดงความสัมพันธ์: ใช้คำเช่น “Because”, “Although”, “However”, “Therefore”
7. อย่าตอบสั้นเกินไป
- ตัวอย่างคำถาม: “Do you like reading books?” ตอบสั้นเกินไป: “Yes, I do. หากจะตอบที่ดีกว่า: “Yes, I enjoy reading books, especially novels and biographies. I find that reading helps me relax and learn new things.”
ควรทบทวนคำศัพท์และประโยค เพื่อให้สามารถใช้ได้ทันทีในห้องสอบ เช่น
- คำถาม: “Do you work or study?”
- คำตอบ: “I am currently a university student. I’m studying Business Administration, which I find both challenging and interesting because it covers a wide range of subjects like marketing, finance, and management.”
- คำถาม: “Tell me about your hometown.”
- คำตอบ: “I come from a small town called Chiang Mai, which is located in northern Thailand. It’s known for its beautiful temples, vibrant night markets, and friendly people. One thing I really love about my hometown is the rich cultural heritage and the delicious local food.”
- คำถาม: “What do you do in your free time?”
- คำตอบ: “In my free time, I enjoy playing basketball and reading books. Playing basketball helps me stay fit and healthy, while reading allows me to relax and learn new things. I particularly enjoy reading novels and biographies because they offer insights into different cultures and experiences.”
สรุปง่ายๆ การสอบ Speaking Part 1 เป็นส่วนที่ทดสอบความสามารถในการสื่อสารความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกฝนบ่อยๆ และทำความเข้าใจรูปแบบการสอบ จะช่วยให้คุณมั่นใจและทำคะแนนได้ดีครับ คนไหนไม่มั่นใจ แนะนำให้มา เรียน IELTS ที่สถาบันของเราครับ มีทั้งคอร์สรวม และเลือก เรียน IELTS ตัวต่อตัว ออนไลน์ รับรองว่าได้ฝึกพูดกันฉ่ำแน่นอนครับ
หัวข้อของ Essay ที่การสอบ IELTS Writing ออกบ่อย
1. การศึกษา
- “Some people believe that university education should be free for all students. To what extent do you agree or disagree?”
- “Do you think that traditional classrooms will be replaced by online learning in the future?”
- “Some people believe that university education should be free for all students. To what extent do you agree or disagree?”
- “Should governments provide free education at all levels, from primary to university?”
2. สิ่งแวดล้อม
- “What are the main environmental problems facing the world today, and what solutions can you suggest?”
- “Do you think that individuals should take more responsibility for protecting the environment?”
3. เทคโนโลยี
- “How has technology changed the way we communicate, and do you think this is a positive development?”
- “Some people believe that the use of mobile phones should be banned in public places. Do you agree or disagree?”
- “How has technology changed the way we communicate, and do you think this is a positive development?”
- “Do you think that social media has improved or harmed communication between people?”
4. สุขภาพ
- “What are the benefits of a healthy lifestyle, and how can people be encouraged to adopt one?”
- “Do you think that governments should impose higher taxes on unhealthy foods?”
5. สังคมและวัฒนธรรม
- “Some people believe that it is important to preserve traditional cultures, while others think that modernization is more important. Discuss both views and give your opinion.”
- “What are the advantages and disadvantages of living in a multicultural society?”
6. การท่องเที่ยว
- “What are the positive and negative impacts of tourism on a country?”
- “Do you think that international tourism promotes cultural understanding?”
7. เศรษฐกิจ
- “What are the advantages and disadvantages of globalization?”
- “Do you think that economic growth is more important than environmental protection?”
หัวข้อในการเขียน Essay เหล่านี้มักจะเป็นที่นิยมออกสอบในการสอบ IELTS ซึ่งจริงๆแล้วยังมีรายละเอียดอีกมากครับ สำหรับ น้องๆนักเรียนที่ ได้มาลง เรียน IELTS กับทางเราไม่ว่าจะเป็นคอร์ส หรือ เรียน IELTS ตัวต่อตัว ออนไลน์ ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เราจะจัดการปัญหาเรื่อง Writing ของทุกๆคนได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ โดยจะฝึุกเขียนในทุกๆหัวข้อเพื่อให้คุ้นเคยกับรูปแบบและเนื้อหา และจะเน้นย้ำ ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่หลากหลาย: เพื่อเพิ่มคะแนนในส่วน Lexical Resource และ Grammatical Range and Accuracy โดยเรามีทีมครูคอย ตรวจสอบและแก้ไขให้กับผู้ เรียน IELTS ทุกท่านครับ
หลักการให้คะแนน
เรียน IELTS ที่ไหนดี? ไม่ว่าจะเป็น Speaking Reading Writing หรือ Listening สถาบันเราพร้อมที่จะทำให้นักเรียนอัพคะแนนได้อย่างมากในระยะเวลาอันสั้น หลายท่านอาจจะเจอหลายๆที่ ที่พยายามขายฝันให้กับนักเรียน สำหรับสถาบันเรานั้น มักจะพยายามบอกกับนักเรียนทุกท่านให้อยู่ในโลกของความจริง ถ้าเราอ่อนเราต้องพยายาม ถ้าเราเก่ง เราต้องแม่นยำ และรวดเร็วกว่าเดิม สถาบันของเราสอนโดยอาจารย์สี่ท่าน ที่เรียนปริญญาเอกด้านนั้นๆมาโดยตรง ไม่นิยมอาจารย์ท่านเดียวสอน เพราะ เราต้องการดึงศักยภาพของครูถ่ายทอดไปให้กับผู้เรียนมากที่สุด ดังนั้นทีมครูของเราจึงประกอบไปด้วยคณาจารย์ระดับปริญญาโท และเอก ระดับเกียรตินิยม มาสร้างฝันของนักเรียนให้เป็นจริง