หมวดหมู่: บทความที่น่าสนใจ

ระบบมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส

Published / by Language Tutor

“เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ” เป็นคติพจน์ประจำชาติ ซึ่งชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีอิทธิพลต่อวิถีการดำเนินชีวิตรวมถึงด้านการศึกษาซึ่งชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากความเคารพในด้านเสรีภาพ และความเสมอภาคได้ ซึ่งระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศส เป็นระบบที่แตกต่างจากระบบการศึกษาของไทยโดยสิ้นเชิง

การให้การศึกษาโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียนเป็นการป้องกันและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่าง ๆ และเป็นการให้โอกาสของแต่ละบุคคลในเรื่องความเสมอภาคกันทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่สาธารณรัฐมอบให้แก่ทุกคนที่อยู่ในฝรั่งเศส แม้จะเป็นระบบการให้ทุนการศึกษา แต่ก็ทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันทางด้านโอกาสทางการศึกษาเช่นกัน  เพียงพวกเขามีสติปัญญาที่ดีเขาก็จะได้รับโอกาสในการศึกษาเท่าเทียมกับคน อื่น ๆ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ ผิวพรรณหรือฐานะทางสังคมใด ๆ  โดยชาวฝรั่งเศสมองเห็นว่าการศึกษาจะนำไปสู่การมีความคิดสร้างสรรค์ และการใช้ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสรีภาพทางความคิด ทำให้ชาวฝรั่งเศสจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับโรงเรียนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการให้โอกาสกับเด็กที่บิดามารดาเป็นชาวต่างชาติและ พักอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสซึ่งได้รับการผสมผสานของความเป็นฝรั่งเศสไว้ในตัว และมอบหมายให้โรงเรียนเป็นสถานที่ที่จะสร้างและรักษาไว้ ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ

ระบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส

หลักเกณฑ์ของระบบการศึกษาฝรั่งเศส

หลักเกณฑ์ของระบบการศึกษาฝรั่งเศส ประกอบด้วย ความเท่าเทียมกันทางโอกาสในการเข้ารับการศึกษา ,การไม่แบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ผิวพรรณ และฐานะทางสังคม ,ความมีสถานะเป็นกลาง และความไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใด ๆ

ภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน

มีการเปิดกว้างทางการศึกษาระหว่างประเทศ และการพัฒนาโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัย ทำให้สถานศึกษาบางแห่งเลือกได้เปิดหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ  จากปกติจะใช้ภาษาฝรั่งเศสในการเรียนการสอนเท่านั้น ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของหลักสูตรต่าง ๆ ที่เพิ่มเป็นภาษาอังกฤษ  ทำให้ต้องเสียค่าเรียนเพิ่มขึ้นเพราะสถาน ศึกษาต้องจ้างครู และอาจารย์ที่ใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนสอนธุรกิจการจัดการ

นักศึกษาต่างชาติ

ในประเทศฝรั่งเศส มีนักศึกษาต่างชาติมีจำนวนประมาณ 10% ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมดและจะอยู่ในปารีสมากที่สุด ส่วนใหญ่ชาวฝรั่งเศสจะไม่มีการบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ผิวพรรณ ทำให้นักศึกษาต่างชาติได้รับเงื่อนไขเดียวกันกับนักศึกษาฝรั่งเศสโดยเสียค่าธรรมเนียมเท่ากัน แต่หากประเทศใดมีการตกลงแบบทวิภาคีระหว่างรัฐบาลกับฝรั่งเศส จะทำให้นักศึก ษาต่างชาติของประเทศนั้น ได้รับสวัสดิการสังคมรวมทั้งโอกาสที่จะได้ที่พักในมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับชาวฝรั่งเศส  ด้วยความหลากหลายของวิถีทางการศึกษาและปริญญาบัตรต่าง ๆ จำนวนมากที่มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทำให้ระบบอุดมศึกษาของฝรั่งเศสเป็นปัญหากับผู้ที่ไม่คุ้นเคย  ส่วนระบบอุดมศึกษาของฝรั่งเศส กับการศึกษาที่เหมาะกับนักศึกษาไทย เป็นการศึกษาต่อจาก Baccalauréat (เทียบเท่าประกาศนียบัตร ม.6 ของไทย) ซึ่งนักศึกษามีทางเลือก 3 ทาง คือ

  1. หลักสูตรระยะสั้น (Short Curriculum)
  2. หลักสูตรโรงเรียนชั้นสูง (“Grandes Ecoles” Curriculum)
  3. หลักสูตรมหาวิทยาลัย (University Curriculum)

เป็นธรรมดา กับการที่คุณเผชิญในครั้งแรกมันมักจะมีความยากลำบากอยู่เสมอ  แต่หากสามารถผ่านตรงจุดนี้ไปได้มันก็จะทำให้ภูมิใจมากที่สามารถต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ  ได้ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจจะเรียนต่อฝรั่งเศส และยังคงสับสนในระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยฝรั่งเศสที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับบ้านเรา ก็ต้องลองศึกษาให้เข้าใจก่อน  ทุก ๆ ปี มีนักเรียนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศฝรั่งเศส ด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม อาหารและความมีระดับ ทำให้ประเทศนี้เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในการเรียนต่ออันดับต้น ๆ และนั่นก็เป็นการช่วยผลักดันคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น และระบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยฝรั่งเศสเอง ก็ยังได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลและหน่วยงานวิจัย  รวมทั้งหลักสูตรบริหาร ธุรกิจของที่นี่ยังได้รับการยอมรับในระดับโลกอีกด้วย  ก่อนที่จะเริ่มสมัครเรียนที่ฝรั่งเศส จะต้องทำความเข้าใจในระบบการศึกษาของเขาซะก่อน

ข้อควรรู้

นักเรียนฝรั่งเศสและนักเรียนต่างชาติจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาในราคาเดียวกัน  ซึ่งในการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Licence’   ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเรียน 3-4 ปี ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสมีโรงเรียน และวิทยาลัยที่สอนการบริหารธุรกิจมากกว่า 220 โรงเรียน/วิทยาลัย สำหรับการศึกษาในระดับปริญญาโทใช้เวลาเรียนโดยทั่วไปประมาณ 2 ปี  แต่หากเป็นงานวิจัยในฝรั่งเศสจะเน้นไปที่การเรียนในระดับปริญญาโทขึ้นไป  สำคัญประเทศฝรั่งเศสมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ Top 100 จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS University Rankings ถึง 2 แห่ง