เรียนภาษาเยอรมัน ที่ไหนดี
เรียนภาษาเยอรมัน กับสถาบัน Acknowledge เปิดสอนและตัวสอบภาษาเยอรมันมาเป็นเวลายาวนาน ผู้สอนมีประสบการณ์การสอนภาษาเยอรมันมากกว่า 10 ปี ครูของสถาบันได้ผ่านการฝึกอบรม การสอนภาษาเยอรมันให้กับชาวต่างชาติ (Deutsch als Fremdsprache: DaF) หลักสูตรครูสอนภาษาเยอรมัน (Deutschlehrerqualifizierung) และ ได้รับการรับรองจากสถาบันเกอเธ่ (Goethe – Institut Thailand) ดังนั้น ผู้เรียนมั่นใจได้ว่าการเรียนที่สถาบัน Acknowledge จะเป็นไปตามมาตรฐานการเรียนภาษาเยอรมันที่เหมือนกันทั่วโลก แต่สิ่งพิเศษที่ผู้เรียนจะได้รับจากสถาบัน Acknowledge คือการเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆกับครูไทย ทำให้ผู้สอนสามารถมองเห็นปัญหาของผู้เรียนและได้รับการปรับแก้อย่างตรงจุด อีกทั้งการซักถามข้อสงสัยก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ
ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่มีความแตกต่างจากภาษาไทยอย่างมาก หากต้องการเรียนด้วยตนเองเพื่อเน้นการสนทนากับชาวต่างชาติ อาจจะพอทำได้ แต่การเรียนด้วยต้นเองสำหรับการไปสอบ A1 ภาษาเยอรมันอาจจะทำได้ยากเนื่องจาก ภาษาเยอรมันแม้ว่าจะใช้ตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษ แต่หลักไวยากรณ์นั้นมีความแตกต่างกับภาษาอังกฤษ ค่อนข้างมาก และมีรายละเอียดที่แตกต่างจากภาษาอังกฤษอีกมากด้วยเช่นกัน ผู้เรียนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาบ้างอาจช่วยในการเรียนได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับภาษาเยอรมันต้องเป็นไปอย่างทีละขั้นและมีขั้นตอน เพราะเนื้อหาแต่ละเรื่องจะมีความสัมพันธ์กันทั้งหมด หากตามไม่ทันหนึ่งเรื่อง อาจส่งผลให้ตามเรื่องต่อไปในบทเรียนลำบาก ด้วยเหตุนี้ ผู้เรียนจึงควรเรียนกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษาเยอรมันให้กับชาวต่างชาติโดยตรง จะช่วยให้ผู้เรียนมีพื้นฐานภาษาเยอรมันที่มั่นคงและพร้อมต่อยอดในการเรียนระดับที่สูงขึ้น
พบกับคำตอบสุดท้าย ของการเรียนภาษาเยอรมันที่ไหนดี กับสถาบันของเราครับ สถาบันอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี (กรุงเทพ) เดินทางสะดวก ราคาไม่แพง ที่สำคัญคือดูแลเอาใจใส่นักเรียนทุกคน เปิดโอกาศให้ซักถามทั้งภายใน และภายนอกห้องเรียนครับ
บรรยากาศคอร์สเรียนภาษาเยอรมัน
คอร์ส A1 บรรยากาศเป็นกันเอง สนุกสนาน เน้นสนทนา สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง
เรียนภาษาเยอรมัน A1 คอร์สเบื้องต้น
สถาบันของเรามีการสอนสองแบบ ได้แก่ คอร์สเรียนรวมเบื้องต้น และ เรียนภาษาเยอรมันแบบส่วนตัว (เรียน Private) ผู้เรียน สามารถเลือกวันเวลาเรียนเองได้ มาเรียนที่สถาบัน หรือ เรียน ออนไลนน์แบบสอนสด ผ่าน Zoom หรือ Google meet ได้ครับ ราคาคอร์สเรียนภาษาเยอรมัน ราคา 6,500 บาท ต่อการเรียนทั้งหมด 40 ชั่วโมง ราคานี้รวมเอกสารทุกอย่างแล้วครับ
วันเริ่ม
|
เวลา
|
วัน
|
ประเภท
|
17 มีนาคม 2568 | 09.00-13.00น | จันทร์ พุธ ศุกร์ | สอนสด/ออนไลน์ |
18 มีนาคม 2568 | 18.30-20.30น | อังคาร พฤหัส | สอนสด/ออนไลน์ |
15 มีนาคม 2568 | 11.30-15.30น | เสาร์ | สอนสด/ออนไลน์ |
17 มีนาคม 2568 | 12.00-16.00น | อาทิตย์ | สอนสด/ออนไลน์ |
รายละเอียดคอร์ส
- คอร์ส A1 เรียนภาษาเยอรมันเบื้องต้น 1 เป็นคอร์สพื้นฐาน เน้นการฟังพูด อ่าน และเขียน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ภาษาเยอรมันเลย โดยจะเน้นที่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ในสถาณการณ์จริง
- ในกรณีเปิดคอร์สเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินในทุกกรณี
- ในกรณีดรอปคอร์ส (พักการเรียน) นักเรียนจะต้องชำระค่าดรอปคอร์ส 1,500 บาท
- สำหรับการเรียนแบบตัวต่อตัว ถ้าขาดการติดต่อเกินสามเดือนถือว่าสละสิทธิ์
- โรงเรียนของเราจะมีการออกใบรับรองให้ได้ ต่อเมื่อผู้เรียนได้ผ่านการเรียนตามคอร์สนั้นๆโดยจะต้องเข้าเรียนสม่ำเสมอ และมีการทำการบ้าน ที่ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนอย่างเต็มความสามารถ โดยใบรับรองได้กล่าวเป็นการรับรองว่าได้เรียนจากที่สถาบันของเราไปจริง และรับรองจำนวนชั่วโมงตามจริง อย่างไรก็ตามใบรับรองดังกล่าวจะแตกต่างกับใบผ่านการสอบ A1
สำหรับผู้เรียนที่ต้องการสอบ A1 เพื่อใช้ในการยื่นขอวีซ่าแต่งงานหรือเรียนต่อ
คอร์สเรียนของสถาบัน Acknowledge จะแบ่งออกเป็น A1.1 และ A1.2 ผู้ที่ต้องการสอบภาษาเยอรมัน A1 จะต้องเรียนคอร์ส A1.1 และ A1.2 ทั้งสองคอร์สจนจบ ซึ่งแต่ละคอร์สใช้เวลา 40 ชั่วโมง (คอร์สเรียนรวม) ดังนั้น ผู้เรียนคอร์สรวมที่ต้องการสอบ A1 จะใช้เวลาทั้งหมดอย่างน้อย 80 ชั่วโมงในการเรียน ในขณะที่คอร์สส่วนตัว ผู้สอนจะเป็นผู้ประเมินระยะเวลาการเรียนของผู้เรียนแต่ละคนเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาเยอรมันแบบตัวต่อตัว
หากนักเรียนไม่สะดวกในการเรียนวันเวลาคอร์สที่สถาบันเปิดสอน สามารถเลือกเรียนแบบตัวต่อตัวได้ ผ่าน Application ด้วยการเรียนที่บ้าน หรือจะมาเรียนที่สถาบันก็ได้ครับ การเดินทางสะดวกสบาย เพราะสถาบันของเราใกล้กับสถานีรถไฟ้ฟ้าช่องนนทรี
เนื้อหาที่ได้รับจากคอร์ส A1 เรียนภาษาเยอรมัน
- บทที่ 1 การทักทาย และความรู้เกี่ยวกับตัวเลข ในภาษาเยอรมัน
รายละเอียดการเรียน : การทักทายเบื้องต้น การแนะนำตัว บอกเกี่ยวกับรายละเอียดตัวเอง
คำศัพท์ภาษาเยอรมัน: คำทักทาย เช่น Guten Tag, Tschau พยัญชนะในภาษาเยอรมัน รวมถึง วิธีการนับเลข หรือการบอกตัวเลขในลักษณะต่างๆ การทักทายในภาษาเยอรมันจะคล้ายๆกับภาษาอังกฤษนั่นคือการทักทายที่เกี่ยวเนื่องกับเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น
- บทที่ 2 ครอบครัวและเพื่อน
รายละเอียด: แนะนำคนในครอบครัวและเพื่อน ถามรายละเอียดส่วนบุคคล
คำศัพท์ภาษาเยอรมัน: คนครอบครัว เช่น Eltern, Geschwister สถานะครอบครัว เช่น geschieden หัวข้อนี้เป็นหัวข้อสำคัญเนื่องจาก หากเข้าใจในบทเรียนเบื้องต้นนี้ ก็สามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัวแฟน หรือเพื่อนสนิทได้อย่างรวดเร็ว
- บทที่ 3 อาหารและเครื่องดื่ม
รายละเอียด: อาหารและเครื่องดื่ม ถามและบอกราคา บอกปฏิเสธ ถามราคา ต่อราคา
คำศัพท์ภาษาเยอรมาัน: อาหารและเครื่องดื่ม เช่น Apfel, Saft คำระบุปริมาณ เช่น Kilo, Becher หัวข้อนี้มักจะเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแม่บ้าน พ่อบ้านเป็นอย่างมาก เพราะด้วยนิสัยคนไทยเวลาจะซื้อของต้องขอต่อราคานิดๆหน่อยๆ ประมาณว่าช่วยลดให้นิดนึงก็ยังดี
- บทที่ 4 บ้าน ที่พักอาศัย และอพาร์ทเมนต์
รายละเอียด: ถามและตอบเกี่ยวกับบ้าน บรรยายลักษณะของที่อยู่ ถามเกี่ยวกับความชอบ
คำศัพท์ : ห้อง เช่น Wohnzimmer เฟอร์นิเจอร์ เช่น Tisch, Stuhl เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น Wohnzimmer คำคุณศัพท์บรรยายบ้าน
- บทที่ 5 ชีวิตประจำวัน
รายละเอียด: เวลา ชีวิตประจำวัน แต่งประโยค
คำศัพท์ภาษาเยอรมัน : กิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น austehen, anrufen, arbeiten
- บทที่ 6 ภาษาเยอรมัน ในหัวข้อเวลาว่างและสภาพอากาศ
รายละเอียด: งานอดิเรก บอกสภาพอากาศ การตอบคำถามที่เป็นปฏิเสธ
คำศัพท์ภาษาเยอรมัน: งานอดิเรก เช่น Fahrrad fahren สภาพอากาศ เช่น kalt, windig
- บทที่ 7 ความสามารถและการพูดเกี่ยวกับอดีต
รายละเอียด: บอกความสามารถ พูดเกี่ยวกับอดีต
คำศัพท์ภาษาเยอรมัน: Modalverben เช่น wollen können
ในคอร์สเรียนจะไม่เน้นท่องเป็นคาราโอเกะ แต่จะเน้นหลักไวยากรณ์ผสมผสานกับการสนทนา นั่นหมายถึง สามารถนำหลักไวยากรณ์ภาษาเยอรมันไปประยุกต์ใช้ได้ในสถาการณ์ที่แตกต่างกันออกไป สามารถนำไปใช้ชีวิตได้ในต่างประเทศ
การสอบ A1 ภาษาเยอรมันคืออะไร
Goethe-Zertifikat A1: Start Deutsch 1 เป็นการสอบภาษาเยอรมันสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรับรองความสามารถขั้นต้นระดับหนึ่งหรือ A1 จากทั้ง 6 ระดับ (ซึ่งมีทั้งหมดคือ A1 A2 B1 B2 C1 และ C2) โดย A1 เป็นการทดสอบที่ง่ายสุด จนไปถึงระดับสูงสุดที่ C2 ซึ่งเป็นความสามารถทางภาษาตามกรอบความตกลงร่วมกันของสหภาพยุโรป หรือ GER ความคาดหวังของการสอบคือผู้เรียนสามารถแนะนำตัวเองและผู้อื่นได้ รวมถึงสามารถถามผู้อื่นเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน หรือ พวกเขาชอบอะไร เข้าใจสำนวนที่คุ้นเคย เป็นสำนวนในชีวิตประจำวันที่ใช้บ่อย รวมถึงเข้าใจและสามารถใช้ประโยคที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน (เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ครอบครัว การสั่งอาหาร การจับจ่ายซื้อของ เพื่อการทำงาน และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว) สื่อสารอย่างง่ายได้เมื่อคู่สนทนาพูดช้าและชัดเจน และสามารถกรอกแบบฟอร์มเอกสารสำคัญขั้นพื้นฐานอย่างง่ายได้ ข้อสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก นั่นคือ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด
ข้อสอบอ่าน (เวลา 25 นาที) ข้อสอบฟังแบ่งออกย่อยๆเป็น 3 ส่วน ผู้เข้าสอบจะต้องอ่านข้อความต่างๆ เช่น โน้ตสั้นๆ โฆษณา ป้ายข้อความหรือประกาศต่างๆ จากนั้นตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ข้อสอบมีทั้งให้ตอบถูก (richtig) หรือผิด (falsch) และตอบข้อมูลที่ถูกต้อง
ตัวอย่างข้อสอบอ่าน
ข้อสอบฟัง (เวลา 20 นาที) ผู้เข้าสอบจะได้ฟังบทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันสั้นๆ การสนทนาทางโทรศัพท์ หรือเสียงประกาศในที่สาธารณะ จากนั้นตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง ข้อสอบมีทั้งให้ตอบถูก (richtig) หรือผิด (falsch) และตอบข้อมูลที่ถูกต้อง
ตัวอย่างข้อสอบฟัง
ข้อสอบเขียน (เวลา 20 นาที) ข้อสอบเขียนแบ่งย่อยออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือ การกรอกแบบฟอร์มและเขียนจดหมายหรืออีเมล์ ผู้เข้าสอบจะต้องกรอกแบบฟอร์มแบบง่าย เช่น การกรอกแบบฟอร์มสมัครเรียนภาษาเยอรมัน และเขียนข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเขียนจดหมายสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การเขียนจดหมายเชิญมางานวันเกิด การเขียนจดหมายตอบรับมางาน การเขียนโปสต์การ์ด เป็นต้น
ตัวอย่างข้อสอบเขียน
ข้อสอบพูด (เวลา 15 นาที) ข้อสอบพูดของการสอบ A1 แบ่งออกย่อยๆเป็น 3 ส่วน นั้นคือ แนะนำตัว ตั้ง-ตอบคำถาม และขอร้องแบบสุภาพ ผู้เข้าสอบจะต้องแนะนำตัวในกลุ่ม ตั้งคำถามและตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวันตามบัตรคำศัพท์ที่จับได้ และพูดขอร้องตามบัตรภาพที่จับได้ให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มตอบสนอง ข้อมูลสำหรับการแนะนำตัว เช่น ชื่อ นามสกุล (พร้อมทั้งสะกดชื่อ) อายุ ที่อยู่ ภาษาที่พูด ประเทศ อาชีพ งานอดิเรก เบอร์โทรศัพท์ รหัสไปรษณีย์ เป็นต้น
ตัวอย่างข้อสอบพูด
เรียนภาษาเยอรมัน ที่สถาบันของเราจะเน้นการติวสอบที่ โฟกัสไปที่แนวข้อสอบเก่า และเรามีการดักทางในทุกรูปแบบของข้อสอบที่มีความน่าจะเป็นไปได้ในการสอบ ดังนั้น นักเรียนจะสามารถสบายใจได้ว่า ท่านได้เรียนอย่างตรงแนว และถูกทาง
เรามารู้จักภาษาเยอรมันให้มากขึ้นดีกว่า
Hallo! Guten Tag! สวัสดีค่ะ หากพูดถึงภาษาที่ทรงพลังในโลก หนึ่งในภาษาเหล่านั้นต้องมีภาษาเยอรมันอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะ ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในหลายแง่มุมต่อโลกใบนี้ ทั้งทางด้านวิศวกรรม การแพทย์ การศึกษา ปรัชญา ดนตรี และการท่องเที่ยว ในทุกๆปีองค์กร DAAD (Deutscher Akademischer Austauschdienst) หรือมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า German Academic Exchange Service ซึ่งเป็นองค์กรแลกเปลี่ยนทางวิชาการของประเทศเยอรมนีจะประกาศทุนการศึกษาที่องค์กรต่างๆ หรือสถาบันการศึกษาในเยอรมนีมอบให้ มีทั้งทุนเรียนฟรี ทุนครึ่งหนึ่ง สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และทุนทำวิจัย หากสนใจสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ที่ https://www.daad.or.th/th/ ดังนั้น การมีความรู้พื้นฐานภาษาเยอรมันควบคู่กับภาษาอังกฤษย่อมช่วยเปิดโอกาสให้กับชีวิตของทุกคนอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่โอกาสในการไปศึกษาหรือใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสการใช้ชีวิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ออสเตรีย (Austria) และ ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) นั่นเป็นเพราะภาษาเยอรมันเป็นภาษาทางการของประเทศเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
จากตรงนี้จะเห็นว่าการภาษาเยอรมันจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถไปใช้ชีวิตได้อย่างน้อยใน 4 ประเทศนี้ นั้นคือ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสันสนว่าประเทศออสเตรียคือประเทศที่มีจิงโจ้ แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ นะคะ!!! ประเทศออสเตรียเป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของเยอรมนี เป็นบ้านเกิดของคีตกวีคนสำคัญของโลกหลายคน เช่น โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart) จนกระทั้งเวียนนา (เมืองหลวงของออสเตรีย) ได้รับสมญานามว่าเป็น “นครหลวงแห่งดนตรีของโลก” ถ้าอยากรู้ว่าประเทศออสเตรียเป็นอย่างไร เข้าไปดูต่อได้ที่นี่เลยค่ะ
กลับมาต่อที่ประเทศเยอรมนีกันบ้าง นอกเหนือจากนานาประโยชน์ของการภาษาเยอรมัน ประเทศเยอรมนีก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อย่างเช่น ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบในการสร้างปราสาทเจ้าหญิงนิทราของวอล์ท ดีสนีย์ (Walt Disney) และเส้นทางสายโรแมนติก หากสนใจเส้นทางโรแมนติกในประเทศเยอรมนี สามารถเข้าไปดูได้ที่
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ประเทศเยอรมนี
- สภาพอากาศ เยอรมนีมี 4 ฤดู: ฤดูร้อน (ร้อนไม่มาก), ฤดูใบไม้ร่วง (อากาศเย็นและมีใบไม้ร่วงสวย), ฤดูหนาว (หนาวมากและมีหิมะ), และฤดูใบไม้ผลิ (อากาศเริ่มอุ่น) การปรับตัว เพียงเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว และเตรียมใจกับวันที่ฟ้าครึ้มหรือฝนตกบ่อยครับ
- วัฒนธรรมการทำงานและการตรงเวลา (Pünktlichkeit): คนเยอรมันให้ความสำคัญกับการตรงเวลามาก ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายส่วนตัวหรือการทำงาน ปรับตัวคือควรมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย และถ้ามีเหตุผลที่ทำให้สาย ต้องแจ้งล่วงหน้า
- ภาษา แม้คนเยอรมันหลายคนจะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่การใช้ภาษาเยอรมันจะช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น โดยเฉพาะนอกเมืองใหญ่ การปรับตัวฝึกภาษาเยอรมันให้คล่อง โดยเฉพาะคำศัพท์และประโยคพื้นฐานในชีวิตประจำวัน แนะนำให้มา เรียนภาษาเยอรมัน A1 ที่สถาบันของเรา มีทั้งคอร์สรวมและตัวต่อตัว ออนไลน์ครับ
- วัฒนธรรมการเข้าสังคม คนเยอรมันมักให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่สนิท สำหรับการทักทายด้วยการจับมือเป็นเรื่องปกติ และการพูด “Guten Tag” (สวัสดี) หรือ “Hallo” เป็นเรื่องพื้นฐาน การปรับตัวของเราเพียงแต่เรียนรู้มารยาทพื้นฐานและเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
- ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพ รถไฟ, รถบัส, และรถรางทำงานตรงเวลาและครอบคลุมพื้นที่กว้าง การปรับตัวเพียงเรียนรู้วิธีการใช้ระบบขนส่ง และตรวจสอบตารางเวลาก่อนออกจากบ้าน
- อาหารการกิน อาหารเยอรมัน มักมีเนื้อสัตว์, มันฝรั่ง, และขนมปังเป็นหลัก อาหารอาจจะหนักและมีรสชาติไม่จัดจ้านเหมือนอาหารไทย การปรับตัวโดยการลองทำอาหารไทยกินเอง หรือหาซื้อวัตถุดิบไทยจากร้านขายของเอเชีย
- ค่าครองชีพ ประเทศเยอรมันมีค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่เช่น Berlin, Munich, หรือ Frankfurt การปรับตัวด้วยการวางแผนการเงินให้ดี และเรียนรู้วิธีประหยัด เช่น ซื้อของลดราคาหรือใช้บริการสาธารณะ
- กฎหมายและระเบียบ ประเทศเยอรมันมีกฎหมายเข้มงวด: เช่น การแยกขยะ, การจอดรถ, หรือการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
- วัฒนธรรมการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเบียร์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม: คนเยอรมันชอบดื่มเบียร์และมีเทศกาลเบียร์ดังเช่น Oktoberfest แต่สำหรับเรานั้นไม่จำเป็นต้องดื่มตาม แต่ควรเข้าใจวัฒนธรรมนี้
- การเข้าถึงบริการสุขภาพ มีระบบสุขภาพดี: แต่ต้องมีประกันสุขภาพ (Krankenversicherung) ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับทุกคน
- การใช้ชีวิตแบบเป็นระเบียบ คนเยอรมันมีความเป็นระเบียบ ชอบความเรียบร้อยและมีระบบ เช่น การจองคิวล่วงหน้า หรือการแยกขยะ
- การพบปะผู้คน สำหรับคนเยอรมันอาจดูเย็นชาในครั้งแรก แต่ถ้าคุ้นเคยกันแล้วจะเปิดใจและเป็นเพื่อนที่ดี โดยอย่าเพิ่งท้อถ้าเจอคนเย็นชาในครั้งแรก ค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์
- การจ่ายเงิน ส่วนใหญ่ใช้บัตรเครดิต/เดบิตเป็นหลัก การใช้เงินสดอาจไม่สะดวกในบางสถานที่ เราจำเป็นต้องพกบัตรและเรียนรู้วิธีการจ่ายเงินแบบไม่ใช้เงินสด
- วัฒนธรรมการปั่นจักรยาน โดยจักรยานเป็นพาหนะยอดนิยม: ในหลายเมืองมีเลนจักรยานและระบบเช่าจักรยานสาธารณะเราอาจจะลองใช้จักรยานเพื่อการเดินทางในระยะใกล้
- การเข้าถึงข้อมูล สำหรับอินเทอร์เน็ตและ Wi-Fi: อาจไม่เร็วหรือครอบคลุมเท่าในไทย โดยเราวางแผนการใช้อินเทอร์เน็ตและหาสถานที่ ที่มี Wi-Fi ฟรี
สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาเยอรมันกันเถอะ
บางคนมีความฝันว่าอยากจะขอทุนไปเรียนที่เยอรมัน แต่มักจะได้รับคำถามเสมอว่า คุณมีความรู้ภาษาเยอรมันมากแค่ไหน?? และมีใบรับรองภาษาเยอรมันหรือเปล่า ซึ่งบางคนอาจจะท่อง A B C…Z ภาษาเยอรมันไม่ได้ด้วยซ้ำ การแก้ปัญหาทำได้ไม่ยาก เพราะทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ หากมีความตั้งใจจริง เพียงใช้เวลาว่างในวันเสาร์-อาทิตย์มาสมัครเรียนภาษาเยอรมันระดับต้นที่สถานบันสอนภาษาได้ โดยอาจหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เพราะโอกาสมันไม่ได้รอคุณพร้อม แต่คุณจะต้องพร้อมตลอดเวลา มีหลายต่อหลายคนที่สนใจในภาษาเยอรมัน หากไม่ได้เรียนตามสถาบันสอนภาษา ก็อาจจะต้องหาเรียนด้วยตัวเองตามแหล่งศึกษาต่าง ๆ แม้แต่ทางยูทูป รวมทั้งการหาซื้อหนังสือมาอ่าน เพื่อท่องจำคำศัพท์ หรือแม้แต่การดูหนัง ฟังเพลง
ส่วนใครที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ทุ่มเทสุดพลังขนาดนั้น เพียงเพื่อสานความฝันให้ได้ไปเรียนต่อที่เยอรมัน ซึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หากคุณเชื่อมั่นและมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ..แต่อย่างน้อยคุณก็ได้ทำให้ตัวเองมีแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ และเมื่อเริ่มต้นทำไปแล้ว สิ่งที่จะต้องทำตามมา โดยไม่ต้องคาดหวังสิ่งที่ยังไม่เกิดก็คือ เริ่มเปลี่ยนความคิดในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ด้วยการคิดเชิงบวก พูดกับตัวเองว่า ต้องทำได้ คุณเป็นคนเก่ง คุณมุ่งมั่น ซึงเป็นพลังงานอันลึกลับที่ใช้เป็นวิธีบอกตัวเองกับการดำเนินชีวิต เวลาจะทำอะไร ลองถามตัวเองว่า เป้าหมายคืออะไร และรักที่อยากจะทำหรือไม่ ถ้ารักที่จะทำและฝันที่อยากจะได้ มันจะเป็นแรงผลักชั้นดีเพื่อให้เกิดการแรงบันดาใจในการวางแผนเพื่อหาทางไปให้ถึงฝัน เรียกว่าสามารถใช้รูปแบบการคิดในการทำงานหรือเป้าหมายอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว แต่สำเร็จทุกอย่างหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง บางอย่างไม่สำเร็จ ก็ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง และจะทำให้คุณไม่ทำผิดซ้ำอีกครั้ง
เก็บตังค์เอง ก็ไปเรียนเยอรมนีได้ไม่ยาก
บางคนขอทุนเรียนไม่ได้ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาเก็บตังค์เอง เพื่อไปเรียนต่อเยอรมัน ซึงมีหลายคนทำได้ ลองใช้วิธีการคำนวณคร่าวๆว่า ถ้าจะไปเรียนที่เยอรมนีต้องใช้เงินเท่าไหร่ จะทำให้คุณทราบถึงจำนวนเงินที่จะเก็บ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องเรียน ค่าเทอม ค่ากิน ค่าหอพัก ค่าครองชีพต่างๆ การเรียนต่อในระดับปริญญาโทก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือยไม่เที่ยว ไม่ช้อบปิ้งมาก ฯลฯ ลองคำนวณคร่าวๆ ดูว่าจะต้องเก็บเงินเรียนมากขนาดไหนกันนะ
ค่าใช้จ่ายรายเดือนๆ ละ 500 ยูโร24 เดือน (2 ปี) = 480,000 บาท , ค่าเทอมๆละ 300 ยูโร (4 เทอม)= 48,000 บาท , ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด (ทำวีซ่า,หส.ปาร์ตี้)1,000 ยูโร = 40,000 บาทรวมเรียนปริญญาโท 2 ปี เตรียมเงินไว้ประมาณ568,000 บาท (ขั้นต่ำในการขอวีซ่าเรียนประมาณ 320,000-350,000 บาทตอนยื่นขอวีซ่า) กรณีคิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 40 บาทต่อ 1 ยูโร (ซึ่งราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา) เราจะเห็นได้ว่าราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับการเรียนภาษาอังกฤษในแถบๆ ออสเตรเลียน หรือประเทศนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันของเราสามารถแนะนำในเบื้องต้นได้ เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น
การเรียนแบบประหยัด
ใครที่อยากไปเรียนเมืองนอก ระหว่างเรียนอาจจะหางานพิเศษเพิ่มที่เมืองไทยไปก่อน หากมีงานประจำอยู่แล้วก็สามารถหารายได้พิเศษได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นถ่ายรูปขาย,ขายของทางเว็บ ,เขียนบทความขาย ,ขายหมูปิ้ง,ทำงานพิเศษร้าน KFC,พิซซ่า ฯลฯ เมืองไทย ถ้าขยันก็เป็นเงินเป็นทองได้ทั้งนั้น เก็บตังค์ไปเรียนเองก็ได้ แล้วเรียนให้ดีๆ หากภาษาเยอรมันให้ดีๆโปรเฟสเซอร์หางานให้เองเลยล่ะ ซึ่งภาษาเยอรมัน สามารถเรียนด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นตาม เว็บไซต์,FB, youtube แล้วต่อด้วยเกอเธ่เมืองไทย หรือตามสถาบันสอนภาษา เพราะหากภาษาเยอรมันดี ไปทำงานพิเศษที่โน่นได้ แบบถูกกฏหมายเยอรมันตามวีซ่านักศึกษา ซึ่งจะได้อย่างน้อย 200-400 ยูโร/เดือน
ความฝันเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถฝันกันได้ แต่ฝันแล้วต้องมุ่งมั่น ตั้งใจทำให้สำเร็จ อย่าทำอะไรครึ่งๆ กลาง ๆ การเรียนรู้ สามารถเริ่มต้นได้เสมอหากมีความตั้งใจ แม้จะไม่ได้ทุนเรียน แต่หากไม่ท้อก็สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ ขอเพียงเชื่อมั่นตัวเองและมีความขยันสักวันจะทำตามความฝันได้อย่างแน่นอน แม้จะต้องใช้เวลานานสักหน่อยแต่อย่างน้อยก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง
บทเรียนออนไลน์ภาษาเยอรมัน เรามาเรียนด้วยตัวเอง ออนไลน์กันเถอะ
หัวข้อต่อไปนี้ เป็นบทเรียนภาษาเยอรมันที่ ต้องไปเกี่ยวข้องกับการสอบ A1 อีกทั้งยังเป็นหัวข้อหลักๆที่เรามักจะต้องเจอในสถาการณ์จริง ขอให้กำลังใจกับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเองนะครับ
- บทที่ 1 ประเภทของคำ
- บทที่ 2 การทักทายและการไถ่ถาม
- บทที่ 3 เมืองต่างๆ
- บทที่ 4 ครอบครัว
- บทที่ 5 สัตว์
- บทที่ 6 เกี่ยวกับเครื่องดื่ม
- บทที่ 7 อวัยวะต่างๆ
- บทที่ 8 ยานพาหนะต่างๆ
- บทที่ 9 คำศัพท์เกี่ยวกับผลไม้
- บทที่ 10 เฟอร์นิเจอร์และสิ่งของในห้องนอน
- บทที่ 11 คำศัพท์ในสำนักงาน
- บทที่ 12 สถานที่ต่างๆ
- บทที่ 13 อาชีพต่างๆ
- บทที่ 14 เดือน
- บทที่ 15 วัน
- บทที่ 16 ผักต่างๆ
- บทที่ 17 สถานที่ตามธรรมชาติ
- บทที่ 18 ตัวเลข
- บทที่ 19 บ้าน
- บทที่ 20 เสื้อผ้า
- บทที่ 21 เครื่องใช้ในบ้าน
- บทที่ 22 อาหารและวัตถุดิบ
- บทที่ 23 สี
- บทที่ 24 งานอดิเรก
- บทที่ 25 คำบอกลักษณะ
- บทที่ 26 สนามบินและสถานีรถไฟ
- บทที่ 27 ข้อมูล
- บทที่ 28 สภาพอากาศ
- บทที่ 29 ตัวเลข (ต่อ)
- บทที่ 30 การถามเวลา
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม
- ภาษาเยอรมันดีไหม
- การเรียนเยอรมันผ่าน Application
- การขอทุน DAAD ด้วยตนเอง
- การขอทุน DAAD สำหรับเรียนปริญญาโท และเอก
- ไขข้อสงสัย การขอทุนเรียนปริญญาตรีที่เยอรมันได้หรือไม่
- เคล็ดลับการขอทุนเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน
- การหารายได้เสริมของนักศึกษา
- ทำไมต้องเลือกประเทศเยอรมันในการเรียนต่อ
- ค่าใช้จ่ายต่างๆเมื่อต้องไปเรียนต่อ
- วิธีการสอนภาษาเยอรมันให้กับลูก
ข้อมูลเพิ่มเติม
พบกับคำตอบสุดท้ายในการ เรียนภาษาเยอรมัน ที่ไหนดี ติว A1-A2 คอร์สเรียนภาษาเยอรมันเบื้องต้น เรียนเพื่อการใช้สนทนา สื่อสารกับเพื่อน เรียนเพื่อแต่งงานกับชาวเยอรมัน ด้วยคอร์สเรียนเล็กๆ คอร์สระยะสั้นกระชับ บรรยากาศเป็นกันเอง หรือเลือกเรียนตัวต่อตัว ราคาคุ้มค่า แบบออนไลน์ หรือ ออนไซต์ ครูมากความรู้และประสบการณ์ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้งานได้จริง กับ สถาบัน Acknowledge สถาบันที่อยู่คู่กับผู้เรียนมากกว่าสิบปี