เพื่อลูกที่คุณรักคุณจึงเตรียมการศึกษาให้กับลูกให้ครบถ้วน การเตรียมความพร้อมช่วงมัธยมต้นจนถึงชั้นอุดมศึกษาจึงควรเสริมการเตรียมความพร้อมการเรียนคณิตศาสตร์ และอังกฤษที่เหมาะสม การฝึกซ้อมทักษะให้บ่อยอาจเพิ่มคอร์สที่เรียน SAT เพื่อให้มั่นใจว่าลูกของคุณจะผ่านบททดสอบ SAT ให้ได้ก็จะหมายถึงว่าลูกของคุณพร้อมแล้วสำหรับการเข้าศึกษาต่อในเข้าหลักสูตรนานาชาติ โดยเป็นบททดสอบความพร้อมที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นบททดสอบที่จำเป็นพื้นฐานในการใช้ประกอบการสมัครเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีคล้ายแอดมิชชั่นบ้านเรานั่นเอง ผู้ปกครองบางท่านมีความประสงค์ต้องการส่งให้ลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ เราจึงมาอธิบายให้ทราบว่า SAT คืออะไร มาดูกัน
- การทดสอบความพร้อม SAT คืออะไร การทดสอบความพร้อมทางความรู้ SAT เป็นข้อสอบที่นักเรียนต้องทดสอบความพร้อมใน 3 ด้านด้วยกัน นั่นคือ ความพร้อมทางด้านคณิตศาสตร์ การเขียนภาษาอังกฤษ Writing และทักษะการอ่านบทความที่ค่อนข้างยากและมีความยาวพอสมควร Critical Reading ควรหมั่นฝึกทักษะประสบการณ์ทางวิชาการที่สั่งสมมาทั้งการท่องจำศัพท์ ไวยากรณ์ และสูตรทางคณิตศาสตร์
- แบบทดสอบ SAT มีลักษณะอย่างไร แบบทดสอบ SAT จะประกอบไปด้วยข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบความพร้อมวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษสลับกันเป็นส่วนๆ แบ่งออกเป็นหลาย section การเรียงลำดับข้อสอบจะเรียงจากความง่ายไปถึงยาก หากผิดจะไม่มีการหักคะแนน โดยหากเป็นข้อสอบแบบตัวเลือกจะเป็นแบบสี่ตัวเลือก
- การเตรียมตัวก่อนทำแบบทดสอบ SAT การทำข้อสอบ SAT จะประกอบไปด้วยสองส่วนคือในส่วนของภาษาอังกฤษควรต้องฝึกทักษะการอ่าน การสรุปจับใจความ แยกประเด็นในเรื่องที่อ่านได้ ฝึกท่องศัพท์และหัดใช้ให้เป็นประจำ และหมั่นพัฒนาการอ่านของตนเองให้แข่งกับเวลาโดยใช้วิธีจับเวลาแล้วฝึกความเร็วในการอ่าน การจับประเด็นการทำข้อสอบ SAT จะประกอบไปด้วยสองส่วนคือในส่วนของภาษาอังกฤษส่วนของคณิตศาสตร์ ควรฝึกฝนทักษะแบบฝึกหัด สูตร และเทคนิคการคิดให้ไว ในข้อสอบบางครั้งจะให้สูตรมาบ้าง ซึ่งเราควรเสริมทักษะด้วยการหาหนังสือแบบฝึกหัดทำเพิ่มเติม เช่น หนังสือแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์จากค่ายหนังสือ McGraw-Hill เป็นต้น
- การยื่นผลสอบ SAT เพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ การใช้ผลการสอบ SAT เพื่อยื่นสมัครเข้ารับการศึกษาต่อในสถานบันการศึกษาในประเทศใช้ผลการทดสอบ 2 ตัวคือ คณิตศาสตร์ และ Critical Reading คะแนนส่วนละ 800 รวมคะแนนทั้งหมด 1,600 คะแนนเท่านั้น หากใช้ในการยื่นสมัครที่ต่างประเทศหรือในบางคณะจะใช้คะแนนทั้งสามส่วน
แต่สำหรับการไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่มีนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากสนใจ ไม่เพียงเพราะเป็นเรื่องค่านิยม ที่คนที่มีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศ ดูมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับเรื่องการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้พบเจอกับสิ่งที่แตกต่างไปจากชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมที่เราเคยพบเจอกันมาในประเทศ เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ และเพิ่มประสบการณ์ชีวิต ที่หาได้ยากหากอยู่ในประเทศใดประหนึ่งเพียงแห่งเดียว และยังมีประโยชน์ในเรื่องการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ทั้งในเรื่องภาษาที่ผู้ที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศจะได้ทักษะนี้แน่นอน มีประการณ์ในการพบปะผู้คนใหม่ ทำให้เกิดความกล้าและมีทักษะในการเข้าสังคมคบหากับผู้คนจากหลากที่หลายวัฒนธรรมได้ดีขึ้น เป็นผลดีที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการที่เราจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ เราจะต้องผ่านการทดสอบเรื่องภาษา เพราะหากว่าไม่มีระดับภาษาในระดับที่สามารถสื่อสารได้ในระดับชั้นต่างๆ ที่เราจะไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาแล้วก็ไม่สามารถจะเรียนได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีการวัดระดับทักษะทั้งด้านภาษาและวิชาการด้วยการ สอบ SAT ที่ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานก่อนที่จะเข้าเรียน
SAT มีความสำคัญก็เนื่องจากมันเป็นการสอบมาตรฐานที่ใช้สอบเพื่อวัดระดับกันทั่วโลก ข้อสอบจะมีอยู่ 2 โซน คือเอเชียและอเมริกา แต่ไม่ว่าจะเป็นโซนไหนคะแนนจะเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกอยู่ดี
การสอบ SAT มีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ
- Critical reading หรือ การอ่านภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์ ข้อสอบจะมีลักษณะเป็นการให้ผู้สอบอ่านบทความภาษาอังกฤษ ทำความเข้าใจแล้ว ตอบคำถามที่เขาให้มา หรือเติมประโยคให้สมบูรณ์ ซึ่งเรื่องนี้แน่นอนว่าต้องอาศัยความเข้าใจและรู้จักคิดวิเคราะห์ในเชิงการสื่อสาร
- Writing หรือ ทักษะในการเขียน ลักษณะของข้อสอบจะเป็นการให้ผู้เข้าสอบเขียนเรื่องราวสั้นๆ ออกมาเพื่อเล่าเรื่องในแบบ essay และการดูประโยคคำถามที่ให้มาแล้วค้นหาจุดที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไวยากรณ์ การใช้รูปแบบคำที่ไม่ถูกต้อง เป็นการทดสอบทักษะในการเขียน และสารสื่อสารกับผู้อื่น
- Mathematics หรือก็คือวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งก็เหมือนวิชาคณิตทั่วไป เพียงแต่ว่า มันจะเป็นรูปแบบระดับสากล ใช้วัดทักษะในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องที่ใช้สอบก็เช่น พีชคณิต สถิติ การคำนวณ เราขาคณิต และความน่าจะเป็น
นอกจาก 3 ส่วนหลักๆ ยังมีวิชาเฉพาะอื่นที่ผู้สอบต้องทำการสอบเพิ่มเติมด้วย แต่เป็นลักษณะให้เลือกวิชาเฉพาะที่ถนัด เป็นการวัดทักษะเฉพาะด้านของแต่ละคน ซึ่งจะมีให้เลือกอยู่หลายวิชา เช่น ประวัติศาสตร์โลก (World History)
ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา (U.S. History) วิชาเคมี วิชาฟิสิกส์ และภาษาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ลาติน จีน… เป็นต้น
เราจะเห็นได้ว่าในการสอบมีความหลากหลาย และเน้นที่การวัดทักษะเพื่อให้ทราบระดับความสามารถของผู้สอบอย่างแท้จริง