หนึ่งในวิธีการทดสอบความเชี่ยวชาญความรู้ทางภาษาอังกฤษของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั่นคือการสอบ TOEIC หรือข้อสอบภาษาอังกฤษสำหรับการสื่อสารในระดับนานาชาติ ข้อสอบ TOEIC ได้รับการออกแบบให้ผู้เข้าสอบสามารถทำคะแนนได้ค่อยข้างดีด้วยความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน แต่ถ้าหากคุณต้องการได้คะแนนที่สูงขึ้น มีคำแนะนำมากมายที่คุณต้องปฏิบัติตามและเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆในทันทีที่คุณวางแผนจะทำข้อสอบ
แผนการปฏิบัติ สิ่งแรกคือวาดแผนงานที่คุณสามารถใช้เวลาได้มากในการฝึกทำข้อสอบ คุณสามารถเข้าไปในอินเตอร์เนตหาตัวอย่างแผนงาน หรือซื้อหนังสือที่มีตัวอย่างการวาดแผนงาน หนังสือและเอกสารเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีรูปแบบข้อสอบที่คุณต้องทำความเข้าใจว่าข้อสอบรูปแบบไหนที่คุณต้องทำ
วิเคราะห์หาจุดอ่อน ก่อนการสอบจริง การค้นหาความเป็นไปได้ที่จะช่วยเพิ่มคะแนนให้สูงขึ้นด้วยการศึกษา และตรวจสอบคำถามในแต่ละข้ออย่างละเอียดถือได้ว่าเป็นความคิดที่ดี สิ่งนี้จะช่วยให้คุณจดจำข้อผิดพลาดที่คุณเคยทำและมั่นใจว่าจะไม่ทำผิดอีกในการฝึกฝนทำข้อสอบในครั้งต่อไป นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะมีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะเผลอทำผิดซ้ำสอง
ข้อสอบ TOEIC ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่เจ้าของภาษา เรามีวิธีบางข้อที่จะช่วยคุณได้คะแนนสูงหากปฏิบัติตามนี้
เริ่มต้นให้เร็ว คุณต้องเริ่มให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้คุณมีเวลาในการฝึกฝนที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น คุณสามารถเริ่มด้วยการไปยังอินเตอร์เนตเพื่อหาเอกสารตัวอย่างหรือหาหนังสือที่มีเอกสารตัวอย่างเกี่ยวกับข้อสอบ TOEIC และคุณยังสามารถลงสมัครเข้าเรียนคลาสออนไลน์สำหรับคำแนะนำและการฝึกฝนที่ดีอีกด้วย
วางแผนสำหรับการฝึกฝน การวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญในการทบทวนและดังนั้นคุณต้องวางแผนทบทวนในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ เน้นไปที่รูปแบบของตัวข้อสอบและฝึกฝนเฉพาะส่วนที่คุณตั้งใจทำในส่วนของข้อสอบ TOEIC ไม่ใช่แค่เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วไป และต้องมั่นใจอีกด้วยว่าคุณได้ทำตามแบบข้อสอบที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าคุณฝึกทำข้อสอบรูปแบบหนึ่งและเวลาไปสอบจริงเจอกับข้อสอบอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน
นำแผนการปฏิบัติไปทำให้เกิดผล พยายามจัดวางโปรแกรมการเรียนของคุณให้บรรลุเป้าหมายภายในหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี แบบไหนก็ได้ที่เหมาะสมกับตัวคุณ ต้องมั่นใจว่าคุณมีเอกสารประกอบการเรียนที่มากพอและเข้าถึงเอกสารเหล่านั้นได้จากห้องสมุดหรือร้านเช่าหนังสือที่คุณสามารถเตรียมพร้อมฝึกทำข้อสอบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เรียนรู้จากสิ่งที่แตกต่างออกไป เนื่องจากข้อสอบ TOEIC เป็นการทดสอบความรู้ด้านภาษาทั้งหมดสี่ทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน ฉะนั้นการอ่านเอกสารต่างๆที่นอกเหนือจากหนังสือข้อสอบ TOEIC ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อคุณมาก ทั้งการอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และนิยายเป็นวิธีการเตรียมตัวที่ดีในข้อสอบการอ่าน การฟังข่าวจากทีวีและวิทยุก็เป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย เพราะการฟังวิทยุจะช่วยให้คุณมีสมาธิกับการฟังมากกว่าการถูกรบกวนจากภาพ คุณสามารถโฟกัสไปที่การออกเสียง การเน้นเสียงสูงต่ำ และคำศัพท์มากกว่าการดูภาพจากทีวี
การทำข้อสอบ TOEIC เพื่อให้ได้คะแนนสูงเป็นเรื่องยากแล้วหล่ะก็คุณคิดผิด เพราะการทำคะแนนให้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้นั้นเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว และหากคุณพิจารณาเคล็ดลับดังต่อไปนี้แล้วคุณจะรู้ว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะได้คะแนนสูงและคุณจะได้เรียนรู้วิธีในการเน้นที่แผนปฏิบัติที่จะช่วยพัฒนาระดับภาษาอังกฤษที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ ก่อนอื่นคุณต้องสร้างแผนปฏิบัติงานขึ้น คุณต้องสร้างแผนงานนี้ขึ้นด้วยการนึกถึงระดับความชำนาญของภาษาที่คุณมีอยู่ ณ ตอนนี้ในใจ ด้วยการเน้นที่ไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะว่าคุณต้องการสอบเพื่องานหรือว่าเพื่อเรียนต่อ คุณต้องวางแผนงานที่ช่วยคุณขยับไปยังคะแนนที่ต้องการทีละนิด อย่าคาดหวังให้ได้คะแนนที่ต้องการแค่ชั่วข้ามคืนเพราะมันเป็นไปไม่ได้ จำไว้ว่า “ช้าๆได้พร้าเล่มงาม”
วางแผนจัดเวลาเรียน
ตัดสินใจวางแผนระยะเวลาที่คุณต้องใช้ทบทวนเพื่อให้ได้คะแนนตามที่ตั้งเป้าไว้ การวางแผนงานที่ดีจะช่วยคุณในเรื่องนี้ จำไว้ว่าในข้อสอบแต่ละส่วนของ TOEIC มีความสำคัญแตกต่างกันออกไป และมีคะแนนที่ไม่เท่ากันอีกด้วยฉะนั้นคุณต้องให้ความสำคัญกับส่วนที่ให้คะแนนสูง
ประเมินผลอยู่เสมอ สิ่งที่สามคือประเมินไวยากรณ์และคำศัพท์ของคุณอยู่เสมอ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับรู้ถึงความถูกต้องของไวยากรณ์อย่างสมเหตุสมผลและยังช่วยเพิ่มจำนวนคำศัพท์ที่สามารถนำไปใช้ในการทักษะการพูดและการเขียนได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคุณควรรู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้มากเพราะข้อสอบอ้างอิงเรื่องของธุรกิจเป็นหลัก
ทบทวนและปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่สี่คือการทบทวนและปรับปรุงแก้ไขงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแบบฝึกหัดการเขียนและการอ่านที่คุณทำไปแล้ว จำไว้ว่าคุณต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคุณเอง การทบทวนเป็นเรื่องสำคัญมากอีกทั้งวิเคราะห์หาข้อผิดพลาดและแก้ไขให้ถูกต้องจนกว่าจะสมบูรณ์แบบมากที่สุดนั่นเอง
อย่าคร่ำเคร่งมากจนเกินไป สุดท้ายที่จะต้องจำคือ อย่าคร่ำเคร่งมากเกินไปเพราะไม่มีข้อสอบสองชุดไหนในโลกที่คล้ายกัน ฉะนั้นเป็นการสิ้นเปลืองเวลาอย่างมากในการคร่ำเคร่งกับการทำข้อสอบเก่ามากเกินไป สิ่งที่คุณควรทำคือปรับปรุงแก้ไขคำศัพท์และความหมายเพื่อที่คุณจะสามารถใช้คำศัพท์เหล่านั้นในงานเขียนและงานพูดของคุณ
Incomplete Sentences ในข้อสอบ TOEIC
ข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้เป็นเครื่องมือในการวัดระดับความชำนาญทางด้านภาษาอังกฤษของบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จากเกือบทุกองค์กรในระดับนานาชาติเช่นเดียวกับสถาบันการศึกษามากมาย ฉะนั้นการเตรียมตัวที่ดีสำหรับการสอบจริงนั้นคือการฝึกฝนจากทำข้อสอบออนไลน์ คุณจำเป็นต้องเข้าใจคำถามประเภท Incomplete Sentences
ในขณะที่คุณทำฝึกทำข้อสอบ คุณจะสังเกตได้ว่าจะมีวลีสั้นๆหรือเพียงแค่คำเพื่อต้องการเติมให้ประโยคสมบูรณ์และมีตัวเลือกให้มาอีกด้วย ฉะนั้นการเลือกคำตอบที่ถูกต้องคุณต้องเข้าใจจุดสำคัญให้จงได้ การเติมประโยคให้สมบูรณ์มีเพียงสองประเภทเท่านั้นนั่นคือหลักไวยากรณ์และการใช้คำที่คอยทดสอบคำศัพท์ของคุณ ด้วยเหตุนี้แล้วคุณต้องตัดสินให้ได้ว่าคำถามทดสอบความรู้ทางไวยากรณ์หรือคำศัพท์กันแน่ การรู้ล่วงหน้าเช่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจคำหรือวลีที่ต้องใช้ในคำถามแต่ละข้อได้อย่างง่ายดาย
การสรุปใจความ เมื่อคุณกำลังทำข้อสอบช่วง Incomplete Sentences ของข้อสอบส่วนการอ่านใน TOEIC คุณควรต้องสรุปใจความสำคัญของปัจจัยสองสามข้อที่คุณได้เรียนรู้ในขณะที่ทำการฝึกซ้อม สรุปใจความจากวลีและคำศัพท์ทั้งหมดในใจที่คุณได้เคยเห็นมาซึ่งเกี่ยวกับหัวข้อของประโยคที่ต้องการให้เติมช่องว่าง
พิจารณาหลักไวยากรณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาลเวลา ตัวเลข ประธาน การใช้คำกริยาให้ถูกต้องสอดคล้องกับประธาน คำบุพบท และอื่นๆ ด้วยการอ่านตัวเลือกและการรับรู้ถึงหน้าที่ของหลักไวยากรณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในแต่ละตัวเลือก
ตัวอย่างเช่น ตัวเลือกที่ระบุไว้ด้านล่างนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าประโยคต้องการคำบุพบทเพื่อทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์เนื่องจากตัวเลือกทุกข้อเป็นคำบุพบททั้งสิ้น
- If
- On
- At
- In
ในกรณีที่คุณเห็นคำที่หลากหลายซึ่งทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นคำถามที่ทดสอบคำศัพท์และคุณต้องรู้ความหมายของคำในทุกตัวเลือก คุณต้องอ่านให้เยอะก่อนการสอบจริง
การจัดการเรื่องของเวลาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณต้องคอยนึกถึงอยู่เสมอและคุณต้องรู้จักจัดสรรเวลาตามที่วางแผนเอาไว้ก่อนทำข้อสอบหรือระหว่างการฝึกทำข้อสอบ เนื่องจากคุณต้องตอบคำถามทั้ง 40 ข้อภายในเวลาที่มีให้เพียง 75 นาทีฉะนั้นคุณต้องฝึกจัดแบ่งเวลาให้ดีในระหว่างที่ฝึกทำข้อสอบ ด้วยการจดจำปัจจัยเหล่านี้ระหว่างที่ทำข้อสอบ TOEIC คุณจะพิชิตโจทย์คำถามด้วยคะแนนที่สูงอย่างแน่นอน
คุณควรฝึกทำข้อสอบ TOEIC ก่อนการสอบจริงบ่อยแค่ไหน
ข้อสอบ TOEIC ได้รับการออกแบบเป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ฉะนั้นยิ่งคุณฝึกทำมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งได้คะแนนดีขึ้นเท่านั้น คุณยังมีโอกาสเข้าใจภาษาได้ดียิ่งขึ้น คุ้นเคยกับรูปแบบของข้อสอบ เข้าใจหลักเทคนิค เช่น คำศัพท์ ไวยากรณ์ และโครงสร้างของประโยคอีกด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดคือระเบียบของข้อสอบ คุณจะได้รับประโยชน์ทั้งหมดเหล่านี้จากการฝึกทำข้อสอบผ่านทางออนไลน์ก่อนสอบจริง
คุ้นเคยกับรูปแบบของข้อสอบ การสร้างความคุ้นเคยกับรูปแบบของข้อสอบทำให้คุณมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นและทำให้คุณได้คิดและตัดสินใจเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้อย่างไม่ลังเล
การเข้าใจหลักเทคนิคทางภาษาได้ดียิ่งขึ้น นี่ถือเป็นประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมที่มาพร้อมกับการฝึกทำข้อสอบ TOEIC ออนไลน์เพราะคุณจะคุ้นเคยกับการเน้นเสียงสูงต่ำและการออกเสียงในส่วนของการฟัง คุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของหลักไวยากรณ์ เช่น การผันกริยาให้ถูกต้องเหมาะสมกับประธาน การใช้คำพหูพจน์ กาลเวลา และที่สำคัญคือคำบุพบทที่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาส่วนใหญ่สับสนอยู่เสมอ โครงสร้างของประโยคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ที่ไม่ใช้เจ้าของภาษาส่วนใหญ่เกิดความสับสนโดยเฉพาะรูปแบบของประโยคคำถาม นี่เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเข้าใจโครงสร้างของประโยคเมื่อคุณทำข้อสอบการเขียนและข้อสอบการฟังด้วยเช่นกัน
ระเบียบวิธีการ ด้วยการเตรียมตัวทำข้อสอบ TOEIC ออนไลน์ก่อนการสอบจริงคุณจะรู้ทุกรายละเอียดของข้อสอบและวิธีการจัดทำข้อสอบด้วยเช่นกัน สิ่งนี้สามารถลดระดับความกังวลและความตึงเครียดทั้งหลายที่มาพร้อมกับการทำข้อสอบต่างๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องจำไว้เสมอคือแค่การฝึกซ้อมทำข้อสอบ TOEIC ออนไลน์ก่อนวันสอบจริงไม่ได้การันตีว่าคุณมาพร้อมกับความรู้และความชำนาญทั้งหมดในการสอบจริง คุณต้องเพิ่มประสบการณ์การฝึกทำข้อสอบด้วยการอ่านหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ให้มากขึ้น หรืออะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือคุณ ให้ตัวคุณเองเข้าถึงภาษาด้วยการฟัง เข้าร่วมคลาสหรือกลุ่มการพูดภาษาอังกฤษ ที่จะทำให้คุณมีโอกาสพูดภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นและสุดท้ายคือเขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในหัวข้อไหนก็ได้และกลับไปทบทวนเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
วิธีบริหารเวลาเมื่อทำข้อสอบช่วง Incomplete Sentences ในข้อสอบ TOEIC
ไม่ว่าข้อสอบใดก็ตามจะมีการกำหนดจำนวนข้อคำถามและระยะเวลาที่ใช้ในการตอบคำถาม ในข้อสอบส่วนการอ่านของ TOEIC ก็เช่นกันมีการจำกัดเวลาและผู้สอบทุกคนมีเวลา 75 นาทีในการตอบคำถาม 100 ข้อ และจากข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ ข้อสอบช่วง Incomplete Sentences มีมากถึง 40 ข้อ ฉะนั้นการบริหารเวลาที่ดีเป็นเรื่องสำคัญมากและมีผลต่อคะแนนสอบด้วยเช่นกัน
ความท้าทายในข้อสอบช่วง Incomplete Sentence สิ่งแรกคือผู้เข้าสอบที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาฉะนั้นจึงไม่มีความชำนาญมากนัก ผู้เข้าสอบจึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนทำข้อสอบหลายต่อหลายครั้งก่อนการสอบจริง ความท้าทายบางอย่างที่ผู้เข้าสอบต้องเผชิญมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ทางไวยากรณ์ การใช้วลีให้เหมาะสม และคำศัพท์ แต่ด้วยการฝึกฝนที่เพียงพอก่อนการสอบจะสามารถให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ความท้าทายเรื่องการจัดการเวลาเป็นสิ่งที่ทำให้ข้อสอบมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
การบริหารเวลา เวลาทั้งหมด 75 นาทีต้องถูกจัดสรรในวิธีที่ถูกต้องสำหรับข้อสอบช่วง Incomplete Sentence คุณควรอ่านตัวเลือกก่อนและหลังจากนั้นเมื่อคุณอ่านบทความคุณจะรู้ได้ทันทีว่าตัวเลือกไหนเหมาะที่สุด แบ่งเวลาทำข้อสอบแต่ละข้อเพียง 10-12 วินาทีเท่านั้นและถ้าจริงๆแล้วคุณไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ในครั้งแรก ให้ผ่านไปก่อนและไปยังคำถามข้อต่อไป คุณอาจตอบคำถามข้อนั้นในภายหลังก็ได้ จริงๆแล้วเป็นความคิดที่ดีที่คุณจะอ่านกระดาษคำถามคร่าวๆและตอบคำตอบไหนก็ได้ที่คุณรู้สึกมั่นใจ อาจใช้เวลาน้อยกว่า 10 วินาทีในแต่ละข้อ และถ้ามันจะเป็นคำถามที่ยากอยู่ สุดท้ายแล้วให้เดาเมื่อตอนที่คุณกลับไปตรวจทานดูอีกรอบ วิธีนี้จะไม่ทำให้คุณเสียเวลามากนักและหากคุณโชคดีอาจมีแม้กระทั้งเวลาสำหรับการสรุปใจความอีกด้วย
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณบริหารเวลาได้เป็นอย่างดีในวันสอบจริงคือ การจับเวลาทุกครั้งที่คุณฝึกทำข้อสอบ ถ้าจะให้ดีที่สุดคือจับเวลาในแต่ละข้อและทุกช่วงของคำถามด้วย สิ่งนี้จะทำให้คุณจัดการกับเวลาได้เป็นอย่างดี
อะไรคือสิ่งที่คุณควรนึกถึงอยู่เสมอเมื่อทำข้อสอบช่วง Questions & Responses ในข้อสอบ TOEIC
โดยปกติแล้วข้อสอบ TOEIC ส่วนของการฟังคือการประเมินความเข้าใจภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารของเจ้าของภาษา ข้อสอบประกอบด้วย 100 ข้อที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 45 นาที มีทั้งหมด 4 ส่วนแบ่งออกได้ตามนี้
Parts Question types in the LISTENING Test No. of questions
1 Photographs- questions on photos shown 10
2 Question-Response 30
3 Conversations- 10 -3 questions each 30
4 Short Talks – 10 -3 questions each 30
เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับข้อสอบช่วง Questions & Responses
จากตารางด้านบนแสดงให้เห็นว่าช่วงที่สองของข้อสอบการฟังคือช่วง Questions & Responses และส่วนนี้ประกอบด้วยคำถาม 30 ข้อตามเอกสารที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว
สิ่งที่เป็นกลลวงตรงนี้คือคุณจะไม่ได้ยินคำถามหรือคำตอบเป็นรอบที่สองและไม่มีตัวอักษรพิมพ์ให้อีกด้วย ฉะนั้นนี่เป็นข้อสอบที่แหลมคมอย่างแท้จริงสำหรับทดสอบความสามารถในการฟังของคุณ คุณต้องตั้งใจมากเพื่อที่จะฟังทั้งคำถามและคำตอบ โดยทั่วไปแล้วเป็นคำถามทั่วไปและได้คัดเลือกมาจากบทสนทนาในชีวิตประจำวันที่มักใช้พูดกันในสังคมและการทำธุรกิจ บทสนทนาเหล่านี้เรียบง่ายมากซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาแต่อย่างใดแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสามารถจับใจความสำคัญได้ดีมากแค่ไหนต่างหาก
ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง
การรบกวน ส่วนใหญ่คุณจะถูกรบกวนจากเสียงดังในห้องสอบ ภาษาและ/หรือสำเนียงของผู้พูดในเทปเสียง และยังมีคำต่างๆที่ทำให้คุณเกิดความสับสน อาทิเช่น คำพ้องรูปพ้องเสียง คำนาม คำกริยา คำพ้องเสียง สำเนียงอังกฤษหรืออเมริกัน และอื่นๆอีกมากมาย หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนจากเสียงและภาษาด้วยการโฟกัสไปที่เนื้อหา ใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ของคุณเพื่อกำจัดความสับสนที่เกิดจากหลักไวยากรณ์หรือความแตกต่างในคำศัพท์และสำเนียง
เข้าใจจุดประสงค์ของคำถาม หลายต่อหลายครั้งที่บริบทของคำถามอาจมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ถ้าคำถามคือ “How are you?” คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ “Fine, Thank you” แต่ถ้าคำถามคือ “How are feeling today?” ในกรณีนี้คำถามถูกถามเพื่อเปรียบเทียบความรู้สึกก่อนหน้านี้ และคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้คือ “Well, I’m feeling better”
อย่ารอฟังตัวเลือกครบทุกข้อ ไม่เพียงแต่คุณต้องทำข้อสอบให้เร็วประหยัดเวลาแต่คุณยังต้องมั่นใจว่าคุณจำตัวเลือกทั้งหมดได้ตอนที่เริ่มเลือกคำตอบในทันทีที่คุณได้ยินตัวเลือกแรกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าคำถามคือ “How are you?” ตัวเลือกแรกที่คุณได้ยินคือ “Fine, Thank you” คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่านี่คือคำตอบที่ถูกต้องและฝนลงในกระดาษคำตอบทันทีไม่ต้องรอฟังตัวเลือกให้ครบทุกข้อ คุณสามารถเปลี่ยนคำตอบได้ในกรณีที่คุณรู้สึกว่าตัวเลือกอื่นเหมาะสมมากกว่า
เชื่อมโยงเนื้อเรื่องเข้ากับบุคคลและสถานที่ต่างๆ เมื่อคุณมีความคิดเชื่อมโยงบุคคลและสถานที่เข้ากับเนื้อเรื่องแล้วคุณจะได้ไอเดียคร่าวๆเกี่ยวกับภาษาที่ใช้พูด คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้และเหตุผลของคำตอบด้วย
วิธีบริหารเวลาเมื่อทำข้อสอบส่วน Fill-in the Blanks ในข้อสอบ TOEIC ส่วนการอ่าน
โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเป็นข้อสอบอะไร การฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบก่อนการสอบมีความจำเป็นมากเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้คะแนนสูง นี่เป็นความจริงที่สุดโดยเฉพาะข้อสอบที่มีการจำกัดเวลาอย่างข้อสอบ TOEIC ข้อสอบส่วนการอ่านมีเวลาให้เพียง 75 นาทีสำหรับคำถาม 100 ข้อ และจาก 100 ข้อมีคำถามช่วง Fill-in the Blanks 12 ข้อ ฉะนั้นการบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากและมีผลต่อคะแนนด้วยเช่นกัน
ความท้าทายในข้อสอบส่วน Fill-in the Blanks สิ่งแรกคือผู้สอบที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาซึ่งอาจไม่มีความรู้ทางภาษามากนัก ฉะนั้นการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบก่อนการสอบจริงนั้นมีความจำเป็นมาก ความท้าทายบางอย่างที่ผู้สอบต้องเจอซึ่งสามารถเอาชนะได้ด้วยการฝึกฝนและเรียนรู้เท่านั้น เช่น ความรู้ทางไวยากรณ์และกฎต่างๆ การใช้วลีให้เหมาะสมและคำศัพท์
นอกเหนือจากความท้าทายเหล่านี้แล้วยังมีความท้าทายเรื่องการบริหารเวลาที่ทำให้ข้อสอบมีความซับซ้อนและยากขึ้นด้วย
การบริหารเวลา เวลาทั้งหมด 75 นาทีต้องการการจัดสรรเวลาที่เหมาะสม ควรจะให้เวลากับข้อสอบส่วน Fill-in the Blanks มากกว่าข้อสอบส่วน Incomplete Sentences เล็กน้อยเนื่องจากตัวเลือกมีความสับสนมากกว่า การอ่านตัวเลือกก่อนเป็นไอเดียที่ดีเพราะเมื่อตอนที่คุณอ่านเนื้อเรื่องนั่นคุณจะรู้ทันทีว่าคำไหนเหมาะสมที่สุด จัดแบ่งเวลาให้มากกว่า 10-12 วินาทีต่อคำตอบแต่ละข้อ ถ้าคุณเจอกับคำถามที่ยากให้ข้ามไปทำข้ออื่นก่อนอย่างเสียเวลากับคำถามแค่ข้อเดียว กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลดีคือการอ่านคร่าวๆก่อนและพยายามตอบคำถามที่คุณมั่นใจ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา การเดาก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่คุณสามารถนำไปใช้ในช่วงสุดท้ายของข้อสอบเมื่อตอนที่คุณตรวจทานข้อสอบอีกครั้งก่อนส่ง
จับเวลาตอนที่ฝึกทำข้อสอบ การจดบันทึกเวลาที่คุณใช้ทำในแต่ละครั้งของการฝึกทำข้อสอบถือเป็นความคิดที่ดีอีกข้อหนึ่ง ความจริงแล้วถ้าเป็นไปได้ให้บันทึกเวลาที่ใช้ทำแต่ละข้อเลยก็จะดีมาก สิ่งนี้จะทำให้คุณนึกภาพคร่าวๆออกว่าควรใช้เวลาทำข้อสอบทั้งหมดเท่าไหร่และแต่ละคำถามใช้เวลาเท่าไหร่
ความรู้เกี่ยวกับข้อสอบส่วน Reading Comprehensions
ข้อสอบการอ่านประกอบด้วยคำถาม 100 ข้อซึ่งต้องทำให้เสร็จภายในระเวลา 75 นาที มีทั้งหมด 4 ส่วนด้วยกัน
Part V: 40 questions of Incomplete Sentences to be completed.
Part VI: 12 questions that need Text completion
Part VII (a) 28 questions testing Reading Comprehension of Single Passages
Part VII (b) 20 questions testing Reading Comprehension of Double Passages
ข้อสอบส่วน Reading Comprehensions มีสองประเภท ประเภทแรกคือบทความเดี่ยวและอีกประเภทคือบทความคู่ ฉะนั้นแทบจะไม่ต้องพูดเลยว่าส่วนสุดท้ายยากกว่าส่วนที่สามอย่างแน่นอนและยิ่งต้องฝึกให้มากขึ้นอีกด้วย ข้อสอบส่วน Reading Comprehensions ทดสอบความสามารถและทักษะในการเข้าใจบทความภาษาอังกฤษและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดว่าคุณสามารถจับใจความสำคัญของเนื้อเรื่องได้หรือไม่
การเรียบรู้ข้อสอบส่วน Reading Comprehensions
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่สุดข้อหนึ่งที่คุณสามารถทำคะแนนได้สูงในข้อสอบส่วน Reading Comprehensions นั่นคือการฝึกและฝึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งนี้จะช่วยให้มีการเตรียมตัวที่ดีก่อนการสอบจริงเพราะคุณจะไม่ต้องกังวลกับรูปแบบของข้อสอบ ขั้นตอนการตอบ หรือแม้แต่เวลาที่ใช้ตอบคำถาม
ในขณะที่คุณกำลังฝึกทำข้อสอบส่วน Reading Comprehensions อยู่นั่น คุณควรถือพจนานุกรมไว้ในมือเลยเพื่อที่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเจอกับคำศัพท์ใหม่ คุณสามารถเข้าไปดูความหมายของคำได้ทันที ไม่ใช่แค่ประหยัดเวลาเท่านั้นแต่ยังช่วยปรับระดับภาษาของคุณให้ทันสมัยอีกด้วย
หากคุณเจอปัญหาเรื่องไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค คุณควรมีที่ปรึกษาหรืออาจารย์ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ในปัจจุบันมีอาจารย์ติวเตอร์ภาษาอังกฤษออนไลน์เป็นจำนวนมากที่เปิดสอบคลาสระยะสั้นและคุณสามารถหาได้ง่ายดายจากอินเตอร์เนต
กลยุทธ์ที่สำคัญมากที่สุดอีกข้อหนึ่งในการทำคะแนนให้สูงคือการตอบทุกคำถามที่คุณเจอทั้งในช่วงที่คุณฝึกทำข้อสอบอยู่และในวันสอบจริงด้วย อาจมีโอกาสเล็กน้อยที่คุณจะตอบถูกฉะนั้นอย่าปล่อยคำตอบให้ว่างไว้