ขอทุน DAAD scholarship ด้วยตัวเอง

การขอทุนไปเรียนต่อประเทศเยอรมัน

การขอทุน   DAAD scholarship  บางคนชอบอ่านว่าทุนแด้ดมาจากคำย่อของทุน  Deutscher Akademischer Austausch Dienst   ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลเยอรมันจะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทั้งนักเรียนเยอรมันที่จะไปเรียนต่างประเทศ รวมทั้งนักเรียนต่างชาติที่จะมาเรียนที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งการขอทุน DAAD จะมีทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก  ซึ่งจะได้ทุนดูงาน ทุนทำวิจัย ทุนระยะสั้นและทุนระยะยาว  ฯลฯ   แต่ส่วนใหญ่ DAAD จะให้ทุนที่มีการทำงานระยะเวลามากกว่า 1 ปี  ทุนของปริญญาเอกอาจจะเป็นระยะสั้น ๆ ที่เป็นการทำวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและมหาวิทยาลัยในเยอรมัน หรืออาจเป็นทุนดูงานสั้น ๆ เป็นเหมือนกับทุนไปอบรมสั้น ๆ  ซึ่งต้องมีเจ้าภาพเป็นองค์กรหรือมหาวิทยาลัย โดยจะต้องการเชิญชาวต่างชาติไปร่วมงานด้วย

การเรียนรู้เบื้องต้นของการได้ทุน DAAD

ทุนที่คนส่วนใหญ่มักจะได้รับจาก DAAD  คือเป็นทุนเรียนภาษา 6 เดือนและปริญญาโท 2 ปี เป็นทุนที่เรียกว่า “ Scholarshipsfor Postgraduate Courses with Relevance to DevelopingCountries ” ซึ่งจะครอบคลุมถึง ค่าเดินทางไปและกลับไทยเยอรมันตอนไปเรียนและเมื่อเรียนจบ หากหลักสูตรมีระยะมากกว่า 2 ปี  ผู้ได้ทุนสามารถขอตั๋วเดินทางไปกลับเยี่ยมบ้านเกิดได้ 1 ครั้ง   นอกจากนี้ยังได้ทุนค่าเรียนภาษาเยอรมันก่อนเข้ามหาวิทยาลัย 6 เดือน ที่สถาบันเกอเธ่ ซึ่งอยู่ในเยอรมันค่า โดยจะได้ที่อยู่และเบี้ยเลี้ยงในแต่ละเดือนผ่านทางเกอเธ่  ซึ่งจะมีการเตรียมที่อยู่ให้แล้วก็จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ ส่วนค่าเล่าเรียนหรือค่าที่พัก ทางเกอเธ่จะจัดการให้

หลังจากเรียนจบและผ่านแล้ว ก็จะได้เข้ามหาวิทยาลัย และจะได้เงินค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ 750 ยูโรสำหรับปริญญาโท มีการหักค่าประกันสุขภาพ แล้วจ่ายให้ประมาณ 710-720 ยูโร ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ผู้เรียนจะต้องเอาไว้ใช้สำหรับจ่าย ค่าที่พักที่จะต้องหาเอง อยากได้ที่พักราคาประหยัดก็หาถูก ๆ แต่อาจก็จะไกลมหาวิทยาลัยสักหน่อย  และต้องหักจ่ายค่าเทอม  ประมาณ 240 ยูโร (เช็คอีกครั้ง)  ในการเดินทางจากหอพักไปมหาวิทยาลัยอาจใช้บัตรนักศึกษาที่ได้เพื่อใช้เป็นบัตรเดินทางไปในเมืองต่าง ๆ สำหรับการเดินทางด้วยรถบัสหรือรถราง  ส่วนที่เหลือก็จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าค่าหนังสือ  ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น บางคนประหยัดมากสามารถ เก็บตังค์ส่งที่บ้านได้อีก บางคนอาจจะเก็บตังค์ไว้เที่ยว แต่ควรจะเที่ยวแบบมีสาระ อย่างการเดินทางไปชมสถานที่ต่าง ๆ  วัฒนธรรม ดูชีวิต วิถีคนบ้านเขา เพื่อเก็บให้เป็นความรู้  ส่วนการสัมมนาประชุมของ นศ.ทุน DAAD  ทาง DAAD ก็จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด  ส่วนใหญ่จะจัดปีละ 1 ครั้ง สำหรับใครที่มีครอบครัวอยู่แล้วและเป็นหลักสูตรมีระยะเกิน 2 ปี หากต้องการให้ครอบครัวมาอยู่ด้วยที่เยอรมัน ทาง DAAD ก็เห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัวเช่นกัน  ผู้เรียนสามารถพาครอบครัวมาอยู่ได้ โดยคู่สมรส ซึ่งจะต้องมีการจดทะเบียนตามกฎหมาย ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มอีกประมาณ 200 กว่ายูโร หากมีบุตรก็จะเงินช่วยเหลือเพิ่มอีกต่อบุตร 1 คน

ขั้นตอนการขอทุน DAAD   

ก่อนอื่น จะต้องหาข้อมูล เกี่ยวกับคณะที่ตัวเองอยากเรียนก่อน ลองเข้าไปดูได้ที www.daad.de แล้วค้นหาข้อมูลคณะที่อยากเรียน พอได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปดูเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย หน้าเว็บของคณะนั้น ว่ามีเกณฑ์อะไรบ้างในการรับนักศึกษาต่างชาติอย่าง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยอาจจะบอกว่า ต้องจบ สาขานี้ และทำงานในสายนี้อย่างน้อย 2 ปี อาจจะไม่ได้บังคับเรื่องภาษา แต่อาจจะต้องไปเรียนเพิ่มเติม ที่เกอเธ่ เพราะมันจำเป็นต้องใช้แน่นอน

เอกสารหลายอย่างบางครั้งต้องใช้เวลาในการเตรียม การเขียนและเรียบเรียง หากคิดว่ามีแผนที่จะไปเรียนเยอรมัน ก็เตรียมไว้เนิ่น ๆ เพราะเตรียมเสร็จตอนหลังจะมาปรับ หรือแก้ไขจะได้ง่ายขึ้น   หรือเอกสารบางอย่างเช่น เอกสารทางภาษาสามารถเก็บไว้ได้ถึง 2 ปี  มีการเตรียมไว้ก่อนก็ดีเพราะบางครั้งอาจจะต้องสอบหลายครั้งจึงจะได้คะแนนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยการเตรียมเอกสาร จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนในการเตรียม  ส่วนการเรียนเพิ่มเติมนั้น อาจจะลงเรียนที่สถาบันสอนภาษาเบื้องต้นก่อน แล้วค่อยไปเรียนต่อคอร์สภาษาที่เยอรมันอีกครั้ง

เอกสารที่ต้องเตรียม

แบบฟอร์มของ DAADโหลดได้ใน daad.de หรือ daad.co.th กรอกรายละเอียดแล้วปริ้นออกมาเลย  ,DAAD scholarship application form แบบฟอร์มนี้จะเป็นแบบฟอร์มของ DAAD โหลดได้ ใน daad.de หรือ daad.co.th ,Biography– typed , Biography – handwritten ,Study plan  , B.Engcertificate and transcript of records ใบปริญญาตรี ที่มีเกรด เป็นภาษาอังกฤษและใบประกาศนียบัตร ,Confirmation of employment หรือ Letter of employee recommendation ใบรับรองจากบริษัท  หลักฐานการเรียนภาษาเยอรมัน หรืออังกฤษ หรือใบรับรองทางภาษาอังกฤษ อย่าง TOELF, TOICE ภาษาเยอรมัน ก็ DSH, TestDaF  และเอกสารอื่นๆที่น่าสนใจอย่างเอกสารรับรองทางการเงิน เพื่อเตรียมขอวีซ่า

นอกจากยังสามารถกรอกความสามารถพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอบรม สัมมนา แล้วบรรยายเกี่ยวกับการอบรมสายงานที่ดูเสริมความเข้มแข็งทางวิชาการ อาจจะใส่งานพิเศษที่ไปรับจ๊อบมา  หากสมัครด้านสถาปัตย ก็เอาผลงานการออกแบบใส่ไปด้วย (เวลาเขียนบรรยายให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ แบบวลี ) อย่าลืมรูปถ่าย เห็นหน้าชัดๆ  และจดหมายนำส่ง เพื่อเกริ่นเรื่องราวเล็กน้อย

โปรเฟสเซอร์จะพิจารณาโดยดูคุณสมบัติและจะเอาประเทศละ 1 คนหนึ่งปีจะรับนักศึกษาต่างชาติประมาณ 8-10 คน และจะทำการคัดเลือกว่าจะให้ใคร โดยทำการพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะเลือกมาจำนวนหนึ่ง แล้วส่งไปให้ DAAD ที่เยอรมันพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้ใคร .. แม้การขอทุน มันเป็นขั้นแรกของความยากก็ตาม แต่สิ่งที่ยากกว่านั้น คือการเรียนให้จบนั่นเอง เราสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ DAAD โดยตรงที่ www.daad.de