ดังจะเห็นได้จากระบบการขนส่งมวลชนที่สะดวกรวดเร็ว บริการสุขอนามัยที่เข้าถึงประชาชนทุกระดับและราคาไม่แพง
เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีรากฐานทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ที่เรียกว่าสะสั่งสมมานานที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีประเพณีวัฒนธรรม เข้ามาผสมผสานอยู่ในวิถีชีวิตของคนฝรั่งเศส อย่างแยกกันไม่ออก มีความปลอดภัยในชีวิตสูงและมีความเป็นอยู่ที่สงบสุข ส่วนในแง่ของศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตเป็นที่ทราบกันดีกว่าประเทศฝรั่งเศส มีระดับคุณภาพชีวิตที่สูง ซึ่งจะเห็นได้จากงานเทศกาลทางวัฒนธรรม การแสดงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อาหารฝรั่งเศส หรือแม้แต่ทางานภาพยนตร์ ที่เรียกได้ว่าในแต่ละปีประเทศฝรั่งเศสจะผลิตภาพยนตร์ออกมาฉายทั้งหมดประมาณ 120-150 เรื่อง ทำให้ปารีส ได้รับฉายานามว่าเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับภาษาฝรั่งเศสนั้นมีประชากรกว่า 200 ล้านคน มากกว่า 47 ประเทศใน 5 ทวีปทั่วโลกที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ เพราะเหตุนี้จึงทำให้การเรียนภาษาฝรั่งเศสจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้ที่สนใจเลือกเรียนภาษาต่างประเทศ
ข้อดีของการไปเรียนต่อประเทศฝรั่งเศส
เพราะประเทศฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาในระดับแนวหน้าประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งเรียกว่าที่ฝรั่งเศสจะมีสถาบันระดับอุดมศึกษา และสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงกว่าหลายร้อยแห่ และปริญญาบัตรที่ออกโดยสถาบันการศึกษาเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้ใช้งบประมาณประจำปีประมาณ 20% เพื่อทุ่มให้กับการศึกษา โดยคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 6,000 ยูโรต่อนักศึกษา 1 คน สำหรับนักศึกษาต่างชาติก็ได้รับอภิสิทธิ์นี้เช่นเดียวกับนักศึกษาฝรั่งเศส
การเตรียมตัวก่อนไปฝรั่งเศส
การเตรียมตัวก่อนไปเรียนฝรั่งเศส เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการศึกษา ตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกสาขาวิชา การสมัครเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส หรือการขอวีซ่าระยะยาวประเภทนักศึกษา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องปฏิบัติก่อนออกเดินทาง ที่สำคัญคือจะต้องมีแหล่งรายได้ที่เพียงพอสำหรับการศึกษาในฝรั่งเศส ซึ่งอาจจะเป็นทุนการศึกษา หรือเงินช่วยเหลือ หรือการสนับสนุนจากครอบครัว
ข้อมูลทั่วไปของฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ,เยอรมนี ,สวิตเซอร์แลนด์ ,โมนาโก, อิตาลีและสเปนและยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย ในส่วนของประเทศฝรั่งเศส มีอากาศเย็นในหน้าหนาว และร้อนเล็ก น้อยในหน้าร้อน ส่วนประชากรของประเทศฝรั่งเศสนั้นมีประมาณ 64.5 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก ส่วนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มีคนใช้พูดเป็นภาษาแม่และภาษาที่สองถึง 128 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศส แคนาดา(รัฐควิเบก) สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ส่วนทางฝั่งแอฟริกาก็มีประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน สำหรับเวลาที่ฝรั่งเศสจะช้ากว่าที่ประเทศไทย 6 ชั่วโมง
การศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education System)
สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศสส่วนใหญ่เป็นของรัฐ มีมหาวิทยาลัยของรัฐ 90 แห่ง มหาวิทยาลัยคาทอลิก 5 แห่ง และสถาบันโปรเตสแตนต์ 3 แห่ง ฯลฯ ซึ่งการศึกษาระดับอุดมศึกษาคือ การให้การศึกษาและการวิจัย โดยทางมหาวิทยาลัยได้ปรับตนเองไปตามสภาพแวดล้อมและความต้องการของสังคม รวมไปถึงระบบเศรษฐกิจ อย่างการเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอนของภาคธุรกิจเอกชน โดยการก่อตั้ง Instituts Universitaires de Technologies (IUT) เป็นสถาบันที่สอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมแบบธุรกิจจริง ๆ เมื่อจบการศึกษา ก็จะได้รับประกาศนียบัตร DESS ซึ่งเป็นสิ่งประกันความสามารถทางวิชาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมในระดับสูง และยังมีสส่วนทำให้นักศึกษาได้รับการ ฝึกความชำนาญเฉพาะด้านในระดับผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ชำนาญเฉพาะอีกด้วย ส่วนทางมหาวิทยาลัยขอรัฐ ที่มีทั้งชาวฝรั่งเศส และนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาเลือกเรียนในสาขาวิชาที่ชอบ ซึ่งจะได้นำไปใช้งานในอนาคต
ทำงานพิเศษระหว่างเรียน
นักศึกษาสามารถทำงานพิเศษนอกเวลาเรียนได้ แต่จะต้องขอใบอนุญาตทำงานจากทางการของฝรั่งเศส โดยได้อัตราค่าแรงไม่ต่ำกว่า 8.27 ยูโรต่อชั่วโมง สำหรับหน่วยงานที่จะให้ความช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติในเรื่องการหางานพิเศษคือหน่วยงาน CNOUS (Centre National des Œuvres Universitaires et Scolaires Sous-Direction des Affaires Internationales) อยู่ภายใต้การบริหารงานของฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ในมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศสทุกแห่ง ซึ่งทำหน้าที่ให้การบริการด้านข้อมูล ข่าวสารด้านการศึกษา แนะแนว และช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติในทุกๆด้าน
สำหรับนักศึกษาที่เดินทางมาศึกษาในประเทศฝรั่งเศส จะมีหน่วยงาน INTERFRANCE STUDY คอยช่วยเหลือเรื่องการที่พักให้กับนักศึกษา โดยจะประสานงานไปยังฝ่ายต่างประเทศของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาลงทะเบียน เพื่อให้ช่วยจัดหาหอพักในบริเวณมหาวิทยาลัยของนักศึกษาได้
ประเทศฝรั่งเศสถือว่าการศึกษาไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องที่รัฐต้องสนับสนุนให้กับผู้ที่ต้องการจะเรียนในทุกระดับชั้นทำให้มหาวิทยาลัยรัฐของฝรั่งเศสทุกแห่ง จะไม่มีการเรียกเก็บค่าเล่าเรียนอะไรมากไปกว่าการจ่ายค่าลงทะเบียนรายปี เพียงแค่ 200-300 ยูโรต่อปีเท่านั้น ( 10,000-15,000 บาท) สำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย (Université) และประมาณ 600-1000 ยูโรต่อปี (30,000-50,000 บาท) สำหรับการเรียนในโรงเรียนชั้นสูง หรือโรงเรียนเฉพาะทาง อย่าง โรงเรียนวิศวกรรม โรงเรียนรัฐศาสตร์ และโรงเรียนทางด้านการบริหารต่าง ๆ ซึ่งหลักการดังกล่าว ใช้ทั้งกับนักเรียนฝรั่งเศส และนักเรียนต่างชาติที่เรียนที่ฝรั่งเศสอย่างเสมอภาคกัน อาจยกเว้นในหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ เปิดขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีการเก็บค่าเรียนเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นอีก
ค่าเทอมการศึกษาในฝรั่งเศสแต่ก็ยังนับว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับการเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษที่ต้องเสียค่าเทอมสูงถึง 50,000-100,000 ดอลล่าร์ ต่อภาคการศึกษา (ราว ๆ 200,000-400,000 บาท) และอาจจะถูกกว่าค่าเรียนในระดับปริญญาโทและเอกในบ้านเราอีกหลายที่อีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลาย ๆ คนสนใจอยากจะเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง